การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด ต้อกระจก รวมข้อมูลน่ารู้ในการดูแลดวงตา
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด ต้อกระจก ไม่ใช่เรื่องยาก! รวมข้อมูลน่ารู้ในการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง พร้อมวิธีดูแลตาให้ปลอดภัย ฟื้นตัวเร็ว และกลับมามองเห็นชัดอีกครั้ง
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยผู้สูงอายุสุขภาพร่างกายก็จะเริ่มเกิดการถดถอยไปตามวัย ส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา ซึ่งหนึ่งในภัยเงียบที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและการมองเห็นเป็นอย่างมาก คือ “ต้อกระจก” เนื่องจากเป็นอาการที่หากปล่อยให้ลุกลามถึงระยะสุดท้ายแล้วอาจทำให้ตาบอดได้เลย บทความนี้จะพามารู้จักกับโรคต้อกระจกว่า มีสาเหตุและวิธีการรักษาอย่างไร เพื่อให้ทุกคนหมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ และสามารถเข้ารักษาตัวได้อย่างปลอดภัย
สารบัญบทความ
โรคต้อกระจก (Cataract) เป็นต้อชนิดหนึ่งที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับเลนส์ตา (Lens) เกิดจากโครงสร้างโปรตีนในเลนส์ตาเปลี่ยนไป จนทำให้เลนส์ไม่ใสอย่างที่ควรเป็น เลนส์จะมีลักษณะเป็นไตแข็ง สีขุ่น บริเวณที่ขุ่นอาจจะอยู่ตรงกลางเลนส์ หรือบริเวณขอบเลนส์ก็ได้ ทำให้แสงผ่านเข้าไปจนถึงจอประสาทตาที่อยู่ด้านในได้น้อยลง ทำให้ผู้ป่วยโรคต้อกระจกมีการมองเห็นที่ลดลง บางครั้งก็ทำให้การตกกระทบของแสงเปลี่ยนไปจนค่าสายตาเปลี่ยน อาจมองไกลไม่ชัด หรือทำให้เกิดภาพซ้อนได้ ซึ่งบางทีอาจจะมีอาการใกล้เคียงกับสายตาสั้น
ต้อกระจกจะพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเพราะเมื่ออายุมากขึ้น ส่วนต่างๆของร่างกายจะเริ่มเสื่อมไปตามวัย หากเลนส์ตาเสื่อมสภาพ จนโครงสร้างทางเคมีของโปรตีนในเลนส์ตาเสื่อม ก็จะเกิดเป็นโรคขึ้นมานั่นเองหรือเกิดจากโรคบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ หรือโรคอ้วน
อีกสาเหตุหนึ่งที่สามารถพบได้ คือการเป็นต้อกระจกโดยกำเนิด (Congenital cataract) อาจจะเกิดจากการเจริญผิดปกติในครรภ์ โรคทางกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากการติดเชื้อบางอย่าง เช่น หัดเยอรมัน หรือไวรัสเริม เป็นต้น
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดต้อกระจก
นอกจากสาเหตุภายในร่างกายแล้ว ต้อกระจกยังเกิดจากพฤติกรรม หรือภาวะอื่นๆ ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น
โรคต้อกระจกจะแบ่งอาการออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาต้อกระจกโดยไม่ต้องผ่าตัดเลย เพราะไม่มียาหยอดยา หรือยารักษาที่สามารถสลายต้อจากดวงตาได้ โดยอาการระยะแรกที่ต้อยังไม่แข็งมากสามารถรักษาตามอาการและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ส่งผลให้อาการหนักขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นเลยจนเข้าสู่ระยะต่อสู้ ก็จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ในระยะนี้แพทย์อาจจะแนะนำให้ตัดแว่นเพื่อปรับค่าสายตา หรือใช้เลนส์ตัดแสง เพื่อรักษาไปตามอาการก่อน การมองเห็นภาพไม่ชัด ไม่ได้มีปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก อาการจะเหมือนผู้ที่สายตาสั้นตามปกติ ตราบใดที่อาการไม่แย่ลงมาก สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา
แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดต้อกระจกก็ต่อเมื่อคนไข้มองเห็นภาพไม่ชัด จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ โดยการผ่าตัดมีทั้งหมด 2 วิธี ต่างกันตามวิธีนำเลนส์ตาออก คือ
1. การผ่าตัดแบบแผลเปิดกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction)
เป็นการผ่าตัดโดยการเปิดปากแผลที่ดวงตา ขนาด 6 - 10 มิลลิเมตร แล้วนำเลนส์ส่วนที่แข็งออกมา จากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องมือดูดเนื้อเลนส์ตาที่เหลือออก ก่อนใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไป วิธีนี้เป็นการรักษาแบบเก่าที่ได้ผลดี ใช้รักษาต้อกระจกระยะสุกหรือสุกเกิน แต่มีข้อเสียคือแผลค่อนข้างกว้าง ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนาน
2. การผ่าตัดด้วยการสลายต้อกระจก (Phacoemulsification)
Phaco เป็นการรักษาต้อกระจกโดยใช้เครื่องมือเข้าไปสลายต้อที่เลนส์ตา ด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) แพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กเพียง 3 มิลลิเมตรเท่านั้น ใช้เวลาผ่าตัดเพียง 30 - 60 นาที การผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะไม่ทิ้งรอย ไม่ต้องตัดไหม สามารถกลับบ้านได้เลยหลังผ่าตัด พักฟื้นเพียง 1 อาทิตย์ ก็สามารถใช้ชีวิตได้เกือบปกติ
การผ่าตัดแบบนี้มีข้อดีอีกอย่าง คือ เลนส์เทียมที่ใส่เข้าไปแทนเลนส์ตาเดิม เป็นเลนส์แบบพับที่สามารถแก้ไขค่าสายตายาวและเอียงได้ สามารถเลือกระยะเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานได้ เป็นการแก้ไขค่าสายตาพร้อมกับการรักษา โดยเลนส์เทียมที่ใช้ร่วมกับการผ่าตัดสลายต้อ จะเป็นเลนส์พับที่สามารถแก้ไขค่าสายตายาว และสายตาเอียงได้ โดยไม่ต้องทำเลสิค
แต่การผ่าตัดต้อกระจกด้วยวิธีการสลายต้อ สามารถรักษาได้แค่อาการระยะแรก ๆ เท่านั้น หากต้อแข็งเกินไป คลื่นเสียงจะไม่สามารถสลายต้อได้หมด การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจึงมีความสำคัญ ก่อนการผ่าตัดแพทย์จะมีการประเมินดวงตาอย่างละเอียด เพื่อการผ่าตัดรักษาที่แม่นยำ
โดยราคาของเลนส์เทียมแต่ละชนิด สามารถดูได้จากในบทความนี้ : ผ่าตัดต้อกระจกด้วยวิธีการสมัยใหม่ที่ได้ผลลัพธ์อย่างชัดเจน
อย่างที่ทราบกันว่าโรคต้อกระจกยังไม่มียารักษา ทางรักษาเดียวคือการผ่าตัดเท่านั้น หากไม่อยากผ่าตัด ก็ควรป้องกันด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
ตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง หากเกิดความผิดปกติขึ้นควรรีบรักษาโดยเร็วที่สุด การเลือกสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เราดูแลคนไข้เหมือนเป็นเพื่อนบ้านของเรา ทำให้การหาหมอพบแพทย์เป็นเรื่องปกติ อีกทั้งทางโรงพยาบาลยังมีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายท่าน สภาพแวดล้อมดี สะอาด ปลอดภัย เครื่องมือได้มาตรฐาน พร้อมเทคโนโลยีการรักษาได้คุณภาพ
แนะนำวิธีการเลือกสถานพยาบาล
ต้อกระจกส่วนใหญ่เกิดจากอายุที่มากขึ้นทำให้เลนส์ตาเสื่อมสภาพ อาการของโรคทำให้ผู้ป่วยมองภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน สามารถรักษาได้ด้วยการใส่แว่นตามค่าสายตา แต่ถ้าอาการหนักขึ้น การมองเห็นน้อยลง สามารถรักษาการผ่าตัดต้อกระจก
หากรักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเลือกเลนส์ เพื่อแก้ไขปัญหาสายตายาว และสายตาเอียงพร้อมกับการผ่าตัดต้อกระจกได้ในครั้งเดียว อีกทั้งยังสามารถรักษาต้อลมและต้อเนื้อ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาคอยดูแลคุณตลอดกระบวนการรักษา ให้คุณอุ่นใจได้เหมือนมีคุณหมอเป็นเพื่อน
ช่องทางติดต่อ
References
Afflitto, G. G., Aiello, F., Surico, P. L., Malek, D. A., Mori, T., Swaminathan, S. S., Maurino, V., & Nucci, C. (2025). Cataract and Risk of Fracture: a Systematic Review, Meta-Analysis, and Bayesian Network Meta-Analysis. Ophthalmology, S0161-6420(25)00130-7. Advance online publication. https://doi.org/10.1016/j.ophtha.2025.02.010
Kuriyama, T., Ono, T., & Eguchi, S. (2025). Decentration and Tilt of Plate-Haptic Intraocular Lenses After Cataract Surgery: Anterior Segment Optical Coherence Tomography Evaluation. Cureus, 17(1), e77634. https://doi.org/10.7759/cureus.77634
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ แสดงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเว็บไซต์และทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานมาจากที่ใด คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)