ตาปลาที่เท้า เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรได้บ้าง
ตาปลาที่เท้าเป็นภาวะที่ผิวหนังแข็งตัวเป็นก้อนกลมนูน มีจุดดำตรงกลาง เกิดจากแรงกดทับซ้ำ ๆ ทำรู้สึกให้เจ็บเมื่อเดิน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสม
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นโรคติดต่อภายในสังคม มียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 เกิดเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือสายพันธุ์ย่อยที่มีการแพร่กระจายของเชื้อได้เร็วยิ่งกว่าเดิม อาการโควิดรอบใหม่ มีจะติดง่ายขึ้น แต่มีความรุนแรงน้อยลงจริงไหม? อาการโควิดรอบ 3 เป็นอย่างไร หาคำตอบได้ในบทความนี้
สารบัญบทความ
อาการโควิดรอบใหม่ที่แพร่ระบาดในไทยปัจจุบันคือโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 เป็นครั้งแรกที่ประเทศแถบแอฟริกาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 หลังจากนั้นจึงแพร่ระบาดออกเป็นวงกว้างทั่วโลก
เชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังจากประกาศขององค์กรอนามัยโลก (WHO) เนื่องจากแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ คาดว่าจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดทั่วโลก ทั้งยังแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ดีในเซลล์ปอด อาการโอมิครอนเสี่ยงปอดอักเสบมากยิ่งขึ้น นอกไปจากนี้ อาการโควิดระลอกใหม่ของเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 ยังหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเก่ง สามารถติดเชื้อซ้ำได้ง่าย
รู้หรือไม่ว่า ในการระบาดของโควิดรอบใหม่ ทำให้มีเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากที่ต่างๆ แพร่ระบาดหลายสายพันธุ์ อาการโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ที่ระบาดในประเทศไทยแสดงอาการไม่เหมือนกัน อาการโควิด 19 เบื้องต้นของโควิดระลอกใหม่ มีดังนี้
โควิดสายพันธุ์แกมม่า พบครั้งแรกในประเทศบราซิล เป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายของเชื้อง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม มีอัตราการแพร่กระจายของเชื้อเร็วกว่าเดิมถึง 2.5 เท่า ทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนในการป้องกันไวรัสลดลง และมีโอกาสติดเชื้อซ้ำ นับว่ารุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
โควิดสายพันธุ์อัลฟ่า พบครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ ในเมืองเคนต์ แพร่ระบาดเข้ามาในไทยช่วงเดือนมกราคม 2564 อาการเบื้องต้นของโควิดสายพันธุ์อัลฟ่า ได้แก่ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ไข้สูง 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป หนาวสั่น หอบเหนื่อย อาเจียนหรือท้องเสีย และการรับรสหรือได้กลิ่นผิดปกติ โควิดสายพันธุ์อัลฟ่าแพร่เชื้อง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น 40-70% เลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี มีโอกาสเจ็บป่วยและเสียชีวิตสูงขึ้น 30%
โควิดสายพันธุ์เบต้า พบครั้งแรกที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในอ่าวเนลสันแมนเดลา แพร่ระบาดเข้ามาในไทยช่วงเดือนมิถุนายน 2564 อาการคือ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ท้องเสีย ตาแดง มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง นิ้วมือหรือนิ้วเท้าเปลี่ยนสี เชื้อสายพันธุ์เบต้ามีกลายพันธุ์ในตำแหน่งสำคัญ ทำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วสามารถติดโควิดรอบ 2 ได้
โควิดสายพันธุ์เดลต้า พบครั้งแรกที่ประเทศอินเดียก่อนแพร่ระบาดไปทั่วโลก มีอาการทั่วไปคล้ายหวัดธรรมดาคือ ปวดศีรษะ มีน้ำมูก เจ็บคอ แต่สามารถรับรสชาติได้ปกติ โควิดสายพันธุ์เดลต้าสามารถกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้า พลัส ได้ ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิม
โควิดสายพันธุ์โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นสายพันธุ์ระดับน่ากังวล (VOC) อาการเบื้องต้นคือ ไอมาก เจ็บคอ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ลิ้นรับรสได้ดี จมูกยังได้กลิ่น ไม่ค่อยมีไข้ อย่างไรก็ตามสายพันธุ์นี้มีการกลายพันธุ์ส่วนโปรตีนหนามมากถึง 32 ตำแหน่ง หลบภูมิต้านทานได้ดีมาก ทำให้แพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
โควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่กำลังระบาดในประเทศไทยแพร่กระจายเชื้อได้เร็วกว่าเดิม รวมถึงมีอาการแตกต่างจากอาการแรกเริ่มของโควิดสายพันธุ์ก่อนๆ อาการโควิดระลอก 3 อาการของคนเป็นโควิดระลอกใหม่ที่หากพบ ให้สังเกตตัวเองว่าอาจติดโควิดรอบใหม่ มีดังนี้
อาการโควิดเดิม
อาการโควิดระลอกใหม่
อาการโควิดรอบใหม่ที่ควรพบแพทย์ ได้แก่
หากพบอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษา เนื่องจากเป็นสัญญาณเตือนว่าอาการโควิดสายพันธุ์ใหม่เริ่มรุนแรงขึ้น ให้รีบแจ้งโรงพยาบาลเพื่อนำตัวผู้ป่วยมาอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
หลังจากทราบว่าตัวเองมีอาการโควิดรอบใหม่ สามารถยคดคำแนะนำดังต่อไปนี้เป็นข้อปฏิบัติได้
โควิดรอบใหม่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าโควิดสายพันธุ์ก่อนๆ มาก จึงควรระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม แนวทางป้องกันโควิดระลอกใหม่ มีดังนี้
การฉีดวัคซีนจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ สามารถป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายสายพันธุ์ การฉีดวัคซีนจะสามารถช่วยป้องกันโควิดรอบใหม่ได้ เนื่องจากภูมิต้านทานโควิด-19 จากสายพันธุ์ก่อนๆ อาจไม่สามารถป้องกันการติดโควิดระลอกใหม่ได้ จึงควรฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย
สำหรับผู้ที่เคยติดโควิดแล้ว หลังติดโควิดฉีดวัคซีนจะทำให้ป้องกันโควิดรอบใหม่ได้ดีขึ้น เพราะเชื้อโควิดที่เคยติดกับเชื้อที่กำลังแพร่ระบาดอยู่อาจจะคนละสายพันธุ์กัน รวมถึงภูมิต้านทานที่ร่างกายได้มาจะค่อยๆ ลดลงหลังผ่านไป 3-6 เดือน จึงควรฉีดวัคซีนซ้ำไม่ให้เกิดอาการโควิดรอบใหม่ ผู้ที่ไม่เคยติดโควิดมาก่อนก็ควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือวัคซีนเข็ม 3 เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานด้วยเช่นกัน
อาการโควิดรอบใหม่ในประเทศไทยคือการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน อาการโควิด 19 เบื้องต้นของโควิดระลอกใหม่ ได้แก่ อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ไอ ไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่นลิ้นไม่รับรส เป็นต้น อาการโควิดรอบใหม่แพร่กระจายสู่คนในสังคมได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีโอกาสติดซ้ำได้ง่ายขึ้น
แนวทางการป้องกันไม่ให้ติดโควิดรอบใหม่ไม่ต่างจากการป้องกันโควิดสายพันธุ์ก่อนๆ มากนัก ที่สำคัญคือต้องระวังตัวไม่ให้การ์ดตก และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย สำหรับผู้ที่ติดโควิดระลอกใหม่แล้วควรสำรวจตัวเองว่ามีอาการลองโควิดหรือไม่ รวมถึงทำการดูแลตัวเองหลังติดโควิดเพื่อฟื้นฟูร่างกายอีกด้วย
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการโควิดรอบใหม่ ความแตกต่างของอาการแต่ละสายพันธุ์ สนใจโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด หรือโปรแกรมรับวิตามินหลังติดโควิด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ได้ที่ Line @samitivejchinatown หรือเบอร์ 02-118-7893 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ แสดงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเว็บไซต์และทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานมาจากที่ใด คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)