บทความสุขภาพ

ไทรอยด์อ้วนเกิดจากอะไร ทำไมไทรอยด์ทำงานผิดปกติแล้วถึงอ้วนขึ้น?

บทความโดย: seoteam seoteam วันที่อัพเดท: 14 มิถุนายน 2568

ไทรอยด์อ้วน

หลายคนที่มีปัญหาน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่ได้กินมื้อหนักเป็นประจำ หรือพยายามควบคุมอาหารแล้วก็ตามแต่ก็ยังรู้สึกอ้วนขึ้นอยู่ สัญญาณนี้อาจเป็นเพราะการทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ซึ่งเรียกว่า “ไทรอยด์อ้วน” หรือภาวะ Hypothyroidism ที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ช้าลง 

นอกจากไทรอยด์อ้วนแล้ว ยังมีภาวะไทรอยด์ผอมที่ทำให้น้ำหนักลดลงผิดปกติแม้กินเยอะก็ตาม ดังนั้นหากคุณเริ่มสงสัยว่าตัวเองกินน้อยแต่อ้วนเป็นโรคอะไร หรือเป็นเพราะการทำงานของไทรอยด์ผิดปกติหรือเปล่า? มาทำความรู้จักกับอาการและการรักษาไทรอยด์อ้วนกันดีกว่า


สารบัญบทความ


รู้ทัน “ไทรอยด์อ้วน” คืออะไร

น้ำหนักขึ้นเร็วตัวบวม

ไทรอยด์อ้วน คือภาวะที่เกิดจากการที่ต่อมไทรอยด์ทำงานได้น้อยกว่าปกติ หรือที่เรียกว่า Hypothyroidism ซึ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานช้าลง ฮอร์โมนที่ควบคุมระบบเผาผลาญลดลง ทำให้เกิดอาการน้ำหนักขึ้นเร็ว ตัวบวม อ้วนง่าย เหนื่อยง่าย ผิวแห้ง หนาวง่าย และง่วงบ่อย ภาวะนี้ถือเป็นหนึ่งในอาการของไทรอยด์ผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวโดยตรง

ในทางกลับกันยังมีภาวะตรงข้ามที่เรียกว่า ไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งเป็นกรณีที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป ทำให้เผาผลาญพลังงานเร็วผิดปกติ ส่งผลให้น้ำหนักลดลงแม้จะกินเยอะ ดังนั้นจึงควรแยกแยะให้ชัดเจนว่าอาการอ้วนที่เกิดขึ้นนั้นมาจากไทรอยด์อ้วนจริงหรือไม่ เพราะการวินิจฉัยที่แม่นยำจะช่วยให้รักษาได้ตรงจุดมากขึ้น


ไทรอยด์อ้วนมีสาเหตุจาก?

ภาวะไทรอยด์อ้วนอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้มีทั้งที่เกิดจากโรคภูมิคุ้มกัน การรักษาทางการแพทย์ และปัจจัยอื่น ๆ 

  • โรคภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เช่น โรคฮาชิโมโต (Hashimoto's thyroiditis) ที่ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีทำลายเนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างเพียงพอ
  • ผลข้างเคียงจากการรักษาภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ผู้ป่วยบางรายที่เคยได้รับการรักษาภาวะไทรอยด์เกิน ไม่ว่าจะเป็นด้วยยาต้านไทรอยด์ การฉายรังสี หรือแม้แต่การผ่าตัดไทรอยด์ อาจทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลงเกินไปในภายหลัง
  • การขาดไอโอดีนในร่างกาย ไอโอดีนเป็นสารตั้งต้นสำคัญในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ การที่ร่างกายได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนโดยตรง
  • ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ความผิดปกติของต่อมใต้สมองหรือต่อมไฮโปธาลามัส ซึ่งเป็นต่อมที่ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ ก็สามารถนำไปสู่ภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติได้เช่นกัน
  • การอักเสบของต่อมไทรอยด์ อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือภาวะอื่น ๆ ที่ทำให้ต่อมไทรอยด์อักเสบและทำงานบกพร่องชั่วคราวหรือถาวร
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ลิเธียม ยาต้านไทรอยด์ หรือยาเคมีบำบัดบางประเภท ที่อาจรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์
  • ความผิดปกติแต่กำเนิด ในกรณีผู้ป่วยบางคนอาจเกิดมาโดยมีต่อมไทรอยด์ไม่สมบูรณ์หรือขาดต่อมไทรอยด์ ทำให้ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้ตั้งแต่เกิด

ไทรอยด์อ้วนมีอาการอย่างไรบ้าง

ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์อ้วน จะมีลักษณะอาการคล้ายกับคนที่ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง หรือมีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในหลายด้าน โดยอาการไทรอยด์อ้วนที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้จะกินอาหารปริมาณเท่าเดิมหรือน้อยลง แต่น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียตลอดเวลา มีความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่มีแรงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ถึงแม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ยังรู้สึกไม่สดชื่น
  • ง่วงนอนมากกว่าปกติ รู้สึกอยากนอนบ่อยขึ้น นอนนานแล้วยังไม่สดชื่นและมีปัญหาในการตื่นนอนตอนเช้า
  • รู้สึกหนาวง่ายผิดปกติ ถึงแม้ในอากาศที่คนอื่นรู้สึกปกติ แต่ผู้ป่วยจะรู้สึกหนาวและต้องการความอบอุ่นมากกว่า เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายลดลง
  • ผิวหนังแห้งและเปราะบาง ผิวจะดูหยาบกร้าน แห้ง ไม่มีความชุ่มชื้นและอาจมีอาการคันหรือลอกเป็นขุย
  • ท้องผูกเรื้อรัง ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ทำให้การขับถ่ายไม่ปกติและอาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
  • ผมร่วงและเล็บแตกง่าย เส้นผมจะบางลงและหลุดร่วงมากกว่าปกติ เล็บมือเล็บเท้าจะเปราะและแตกง่าย รวมถึงขนคิ้วอาจจางลงด้วย
  • หัวใจเต้นช้าและความดันโลหิตต่ำ การทำงานของหัวใจช้าลง อาจรู้สึกเหนื่อยเมื่อออกกำลังกายและบางคนอาจมีอาการใจสั่น

ไทรอยด์อ้วนและการวินิจฉัย

ไทรอยด์อ้วนวิธีรักษา

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีภาวะไทรอยด์อ้วน ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อยืนยันการวินิจฉัย เนื่องจากอาการมักคล้ายกับโรคอื่น โดยวิธีการตรวจวินิจฉัยมีขั้นตอนดังนี้

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ เช่น ความเหนื่อยล้า การเพิ่มน้ำหนัก ความรู้สึกหนาว และตรวจสัญญาณชีพ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
  • คลำตรวจต่อมไทรอยด์ แพทย์จะใช้มือคลำบริเวณคอเพื่อตรวจหาก้อนที่ต่อมไทรอยด์ ขนาดของต่อม และลักษณะความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
  • ตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน เพื่อวัดระดับฮอร์โมน TSH, T3, T4 และไทรอยด์แอนติบอดี เพื่อประเมินการทำงานของต่อมไทรอยด์อย่างละเอียด
  • ตรวจหาแอนติบอดีในเลือด เป็นการตรวจ Anti-TPO และ Anti-Thyroglobulin เพื่อหาสาเหตุจากโรคภูมิคุ้มกัน เช่น โรคฮาชิโมโตที่เป็นสาเหตุหลักของอาการไทรอยด์ต่ำและไทรอยด์อ้วน
  • ตรวจอัลตราซาวนด์ต่อมไทรอยด์ เพื่อดูโครงสร้าง ขนาด และลักษณะของเนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์ รวมทั้งตรวจหาก้อนหรือความผิดปกติอื่น ๆ
  • ตรวจเจาะชิ้นเนื้อด้วยเข็มเล็ก (Fine Needle Aspiration) ในกรณีที่ตรวจพบก้อนที่ต่อมไทรอยด์ และแพทย์สงสัยว่าอาจเป็นก้อนที่ผิดปกติหรือไม่ ก็จะมีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อจากก้อนนั้นไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม

ไทรอยด์อ้วน ปัจจุบันมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง

วิธีการรักษาไทรอยด์อ้วน มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยแต่ละบุคคล หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจะสามารถช่วยฟื้นฟูสมดุลของร่างกายได้ โดยภาวะไทรอยด์อ้วนมีวิธีรักษา ดังต่อไปนี้

  • รับประทานยาฮอร์โมนทดแทน เช่น เลโวไทรอกซิน (Levothyroxine) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางพื้นฐานของไทรอยด์อ้วน เพื่อทดแทนฮอร์โมนที่ขาดไป
  • ตรวจติดตามระดับฮอร์โมน TSH เป็นระยะเพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสม โดยจะเริ่มตรวจหลังรับยา 1 เดือน และต่อเนื่องทุก 6-12 เดือน
  • ประเมินสภาพร่างกายเพิ่มเติม ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การตั้งครรภ์ หรือใช้ยาที่รบกวนการดูดซึมฮอร์โมน
  • หลีกเลี่ยงการหยุดยาเอง เพราะอาจทำให้อาการกำเริบและเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนรุนแรงได้
  • กรณีพบก้อนผิดปกติหรือมีแนวโน้มเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ อาจต้องได้รับการรักษาเฉพาะทาง เช่น ผ่าตัดหรือรับการฉายแสงเพิ่มเติม

ไทรอยด์อ้วน รักษาหายไหม? หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและติดตามอาการกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ จะสามารถควบคุมอาการได้และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง


แนะนำวิธีป้องกันภาวะไทรอยด์อ้วน 

ไทรอยด์อ้วน ควรกินอะไร

ถึงแม้ไทรอยด์อ้วนบางประเภทจะไม่สามารถป้องกันได้โดยสมบูรณ์ แต่การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดภาวะไทรอยด์อ้วนได้ โดยวิธีป้องกันภาวะไทรอยด์อ้วน มีดังนี้

  • รับประทานอาหารที่มีไอโอดีนเพียงพอ เลือกรับประทานอาหารทะเล เกลือไอโอดีน และผลิตภัณฑ์นม เพื่อให้ร่างกายได้รับไอโอดีนที่เพียงพอต่อการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์
  • หลีกเลี่ยงสารพิษที่เป็นอันตรายต่อต่อมไทรอยด์ โดยลดการสัมผัสสารเคมี ยาฆ่าแมลง และโลหะหนักที่อาจรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์
  • ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไทรอยด์
  • รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ลดความเครียดที่เกิดขึ้น เช่น ฝึกการผ่อนคลาย ทำสมาธิ หรือหากิจกรรมที่ชื่นชอบ เนื่องจากความเครียดส่งผลต่อการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เนื่องจากสารพิษเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ
  • ระมัดระวังการรับประทานยาบางชนิด หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น และแจ้งแพทย์หากมีประวัติปัญหาไทรอยด์ก่อนรับประทานยาใหม่
  • การตรวจคัดกรองสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และลูก

ไทรอยด์อ้วนและไทรอยด์ผอม มีความแตกต่างกันอย่างไร

ภาวะไทรอยด์ผิดปกติสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือไทรอยด์อ้วนและไทรอยด์ผอม ซึ่งไทรอยด์อ้วนและไทรอยด์ผอมมีอาการและกลไกการทำงานของฮอร์โมนแตกต่างกันอย่างชัดเจน 

ไทรอยด์อ้วน 

ไทรอยด์อ้วน เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนน้อยกว่าปกติ ทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นง่าย ซึ่งอาการไทรอยด์อ้วนที่พบได้บ่อย เช่น

  • รู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงบ่อย และขาดพลังงาน
  • ผิวแห้ง หนาวง่าย และมีอาการท้องผูก
  • น้ำหนักขึ้นแม้รับประทานเท่าเดิม หรือกินน้อย
  • อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า ขี้ลืม
  • ผู้หญิงอาจมีประจำเดือนมามากหรือผิดปกติ

ไทรอยด์ผอม 

ไทรอยด์ผอมเกิดจากภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญเร็วผิดปกติ ซึ่งอาการไทรอยด์ผอมที่มักพบ เช่น

  • ใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ออกแรงมาก
  • ขี้ร้อน เหงื่อออกเยอะ หงุดหงิดง่าย
  • หิวบ่อย กินจุแต่น้ำหนักลด
  • นอนไม่หลับ วิตกกังวล
  • ประจำเดือนมาน้อยลงหรือขาดหาย

ไทรอยด์อ้วน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง

ไทรอยด์อ้วนเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น เหนื่อยล้า และรู้สึกหนาวง่าย แตกต่างจากไทรอยด์ผอมที่ทำให้น้ำหนักลดลง การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมอาการและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ หากสงสัยว่าตนเองมีอาการไทรอยด์อ้วน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สมิติเวช ไชน่าทาวน์ เป็นโรงพยาบาลที่มีแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านต่อมไร้ท่อเป็นอย่างดี มีประสบการณ์และให้บริการรักษาโรคไทรอยด์ทุกประเภท รวมถึงไทรอยด์อ้วนและไทรอยด์ผอม ทีมแพทย์ของเราพร้อมให้การดูแลรักษาอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น การตรวจเลือดเฉพาะทาง ตรวจอัลตราซาวนด์ ไปจนถึงการวางแผนการรักษา เช่น จี้ก้อนไทรอยด์และผ่าตัดไทรอยด์ หากคุณมีอาการไทรอยด์อ้วนหรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ สามารถเข้ารับการปรึกษาและรักษาได้ที่สมิติเวช ไชน่าทาวน์ เพื่อสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ช่องทางติดต่อ


References

American Thyroid Association. (2024, August13). Thyroid and Weight. https://www.thyroid.org/thyroid-and-weight/

Thomas Reinehr. (2009, June 18). Obesity and thyroid function. https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0303720709003499

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ