รวมทุกรีวิว เพิ่มขนาดน้องชาย อัพไซส์เพิ่มขนาดได้อย่างปลอดภัย
รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ และรีวิวเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดน้องชายทุกวิธีที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน พร้อมข้อควรระวังที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเพิ่มขนาดก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา
เริม เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยกว่า 3.7 พันล้านคนทั่วโลกที่ติดเชื้อเริมที่ปาก และอีก 491 ล้านคนทั่วโลกที่ติดเชื้อเริมบริเวณอวัยวะเพศ สถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อเริมทำให้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO พยายามเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเริม และส่งเสริมความพยายามในการป้องกันการติดเชื้อ HIV สำหรับผู้ป่วยเริมบริเวณอวัยวะเพศด้วยการพัฒนาการเข้าถึงยา PrEP
ซึ่งเริมถือเป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อที่ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดแต่สามารถป้องกันการแพร่กระจายรวมถึงไปถึงการควบคุมความรุนแรงของโรคได้ บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคเริม ไม่ว่าจะเป็นประเภทของเริม, อาการของโรคเริม, วิธีการตรวจวินิจฉัย รวมไปถึงวิธีการรักษาและการป้องกันโรคเริม เพื่อให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคเริมที่อาจเป็นความเสี่ยงของการติดเชื้อแทรกซ้อนอย่าง HIV ได้ในอนาคต
สารบัญบทความ
เริม คือการติดเชื้อไวรัส Herpes Simplex ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็น เยื่อบุอวัยวะเพศ เยื่อบุช่องปาก หรือเยื่อบุตา เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือทางผิวหนังที่ยังไม่สามาถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสจะยังคงสะสมอยู่ในร่างกายและหากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลงก็จะทำให้อาการของเริมกำเริบขึ้นได้
เริม สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามเชื้อไวรัสที่ได้รับมาและลักษณะของการติดเชื้อ โดยเริมแต่ละประเภทมีรายละเอียดและสาเหตุในการติดเชื้อ ดังต่อไปนี้
Herpes simplex virus type I หรือ HSV-1 เป็นประเภทของเริมที่มักจะพบการติดเชื้อบริเวณใบหน้า หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเริมที่ปาก แต่บางกรณีก็อาจติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศได้เช่นกัน โดยสาเหตุของการติดเชื้อเริมประเภทนี้ เกิดขึ้นจากการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดนน้ำเหลืองจากตุ่มโรคเริม การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันกับผู้ป่วย หรือหากภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ก็อาจจะทำให้ติดเชื้อเริมประเภทนี้ได้เช่นเดียวกัน
Herpes simplex virus type II หรือ HSV-2 มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่าเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเริมประเภทนี้จัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่นเดียวกับโรคหนองใน หรือโรคซิฟิลิส ผู้ป่วยจะมีอาการคันและเกิดแผลพุพองบริเวณอวัยวะเพศ เช่น ถุงอัณฑะ, ปากมดลูก, ช่องคลอด หรือทวารหนัก โดยเชื้อไวรัส HSV-2 สามารถแพร่เชื้อได้ แม้ผู้ป่วยจะยังไม่แสดงอาการ
หลายคนสงสัยว่า เริมเกิดจากอะไร? โรคเริมเกิดจากการได้รับเชื้อไวรัส Herpes simplex ทั้งชนิด HSV-1 และ HSV-2 ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนด้วยการสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยไวรัสทั้ง 2 ชนิดมีสาเหตุและรายละเอียดของการติดเชื้อที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
เชื้อไวรัส HSV-1 เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดเชื้อได้ตั้งแต่ยังเป็นทารกหรือเป็นเด็กเล็ก เนื่องจากได้รับการสัมผัสจากผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ อีกทั้งเชื้อไวรัส HSV-1 ยังสามารถแพร่กระจายสู่กันได้จากการจูบ การหอมแก้ม หรือการใช้งานของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้เป็นเริม นอกจากนี้การได้รับออรัลเซ็กส์ (Oral sex) จากผู้ที่ติดเชื้อเริมในปาก ก็จะทำให้เชื้อแพร่กระจายมายังอวัยวะเพศได้เช่นเดียวกัน
เชื้อไวรัส HSV-2 ถือเป็นเชื้อไวรัสที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อไวรัสประเภทนี้จึงเกิดจากพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะเป็นการสอดใส่ระหว่างเพศชาย-หญิง หรือระหว่างเพศเดียวกัน รวมถึงการเสียดสีกันของอวัยวะเพศ นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายจากมารดาสู่ทารกได้ ทั้งจากการให้นมและการคลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติในขณะที่มารดาติดเชื้อโรคเริมอยู่
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเริม จะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 3-7 วัน โดยทั่วไปแล้ว โรคเริมจะมีอาการเริ่มต้นเป็นตุ่มน้ำหรือแผลตื้น ๆ บริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อ จากนั้นประมาณ 2-6 สัปดาห์แผลจะค่อย ๆ แห้งและตกสะเก็ด โดยอาการของเริมมีรายละเอียดดังนี้
นอกจากเริมจะแสดงอาการบริเวณปากและอวัยวะเพศแล้ว เริมก็ยังสามารถทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ โดยจะเป็นภาวะแทรกซ้อนในการติดเชื้อและอักเสบบริเวณต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
การตรวจวินิจฉัยเริม เบื้องต้นแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยเริมด้วยวิธีการต่อไปนี้
เมื่อผู้ป่วยโรคเริมได้รับเชื้อไวรัสแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพราะเชื้อไวรัสจะยังคงแฝงตัวอยู่ในปมประสาท แต่ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ได้พัฒนาการรักษาโรคเริมด้วยการบรรเทาความเจ็บปวด รวมไปถึงสามารถควบคุมความรุนแรงและการแพร่เชื้อได้ บทความนี้ได้รวบแนวทางการรักษาโรคเริม มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
โรคเริมสามารถป้องกันการติดเชื้อหรือการกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับแผลเริมของผู้อื่น ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน หากมีเพศสัมพันธ์ ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อเริมที่อวัยวะเพศหญิงและชาย นอกจากนี้ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และดูแลสุขภาพโดยรวมเพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสในการติดเชื้อเริม
โรคเริมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้ขาดได้ หากถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ก็จะทำให้เชื้อไวรัสที่แอบซ่อนอยู่เคลื่อนที่มายังปลายเส้นประสาทและแสดงอาการออกมาอีกครั้ง โดยอาการจะรุนแรงน้อยกว่าการเป็นเริมในครั้งแรก ผู้ป่วยบางรายมีเพียงตุ่มน้ำบริเวณผิวหนังที่เคยติดเชื้อเท่านั้น แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงดื้อยาสูงขึ้น ผู้ที่เคยป่วยเป็นเริมที่ปากหรืออวัยเพศ จึงควรระวังปัจจัยต่อไปนี้ เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
ถึงแม้ว่าเริมจะเป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าหากรีบพบแพทย์ทันทีหลังจากมีอาการก็จะสามารถบรรเทาความเจ็บปวด รวมไปถึงสามารถควบคุมความรุนแรงและการแพร่เชื้อได้ ดังนั้นหากพบว่าตนเองมีตุ่มน้ำหรือแผลพุพอง ร่วมกับมีอาการคล้ายไข้หวัดให้รีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยโรค
ใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโรคเริมหรือกำลังมองหาโปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถติดต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ได้เลย เพราะนอกจากจะมีคุณหมอคอยให้คำปรึกษาแล้ว ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ยังมีความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องมือ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่จะช่วยวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
References
5 Symptoms of genital herpes in man. (2021, September 5).Ending HIV. https://endinghiv.org.au/blog/symptoms-of-herpes-in-men/#
London, S. (2003). Cervical Cancer Risk Rises If Women with HPV Also Have Herpes Infection. International Perspectives on Sexual and Reproductive Health, 29(2): 97. https://www.guttmacher.org/journals/ipsrh/2003/06/cervical-cancer-risk-rises-if-women-hpv-also-have-herpes-infection
Mayo Clinic Staff. (2022, November 22). Genital herpes. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/genital-herpes/symptoms-causes/syc-20356161
Herpes simplex virus. (2023). World Health Organization. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/herpes-simplex-virus