บทความสุขภาพ

เรื่องน่ารู้ก่อน “ผ่าตัดแปลงเพศ” เติมเต็มความเป็นคุณในแบบที่ชอบ

บทความโดย: seoteam seoteam วันที่อัพเดท: 25 สิงหาคม 2567

ผ่าตัดแปลงเพศ

เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอีกต่อไป หากคุณกำลังอึดอัด ต้องการใช้ชีวิตในอีกรูปแบบอย่างมีความสุข สามารถเลือกการแปลงเพศเพื่อเติมเต็มความฝันได้อย่างมั่นใจ เพราะเทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้แปลงเพศหญิงเป็นชาย หรือแปลงเพศชายเป็นหญิงก็ได้ ทั้งยังมีความปลอดภัย หากได้รับบริการในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด

ทว่าการผ่าตัดแปลงเพศ เป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่สามารถแก้ไขให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้ จึงควรศึกษาเพิ่มเติมอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการแปลงเพศ คืออะไร มีเทคนิคใดบ้าง ใครเหมาะจะศัลยกรรมแปลงเพศ และมีผลข้างเคียงอย่างไร จะช่วยตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


สารบัญบทความ


ผ่าตัดแปลงเพศ คืออะไร?

ผ่าตัดแปลงเพศ คือการผ่าตัดอวัยวะเพศให้มีรูปลักษณ์ตามเพศที่ต้องการ โดยจะต้องมีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด และยังสามารถรับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม หากเป็นการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง จะประกอบด้วย แคมนอก แคมใน รูเปิดท่อปัสสาวะ ปุ่มคลิตอริส และช่องคลอด 

ส่วนการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย จะมีการยืดผิวหนังรอบคลิตอริสออกมาห่อหุ้มเป็นองคชาต ใส่ลูกอัณฑะเทียม ช่วยเติมเต็มความรู้สึกของการเป็นเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การผ่าตัดแปลงเพศยังรวมไปถึง การเสริมหรือตัดหน้าอก การผ่าตัดเส้นเสียง และการเหลาลูกกระเดือกด้วย

แต่ใช่ว่าใคร ๆ ก็สามารถรับการผ่าตัดแปลงเพศได้ เบื้องต้นจะต้องเข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์จำนวน 2 ท่าน พร้อมได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นคนข้ามเพศ (Gender Dysphoria) และต้องผ่านการประเมินตามข้อกำหนดของ The World Professional Association for Transgender Health (WPATH) เพื่อดูความพร้อมทางด้านจิตใจ เนื่องจากการแปลงเพศเป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับ และต้องใช้ชีวิตอยู่กับผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทางร่างกายหลังจากแปลงเพศไปตลอดนั่นเอง


ผ่าตัดแปลงเพศ เหมาะกับใคร

การแปลงเพศทั้งในชายและหญิง จะเหมาะกับบุคคลดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีความรู้สึกไม่ชอบอวัยวะที่แสดงถึงความเป็นเพศของตนเอง เช่น องคชาต อวัยวะเพศหญิง หน้าอก
  • ผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตแบบอีกเพศอย่างถาวร และผ่านการประเมินตามข้อกำหนดของ WPATH
  • มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หากต่ำกว่า 20 ปีต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง 
  • ไม่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เป็นต้น หากไม่มั่นใจว่าตนเองมีภาวะที่เป็นอันตรายในการผ่าตัดหรือไม่ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือรับการตรวจ ABI เพื่อตรวจวัดความแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
  • ควรมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ได้รับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เรียบร้อยแล้ว

ใครที่ไม่สามารถผ่าตัดแปลงเพศได้

คนที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดแปลงเพศทั้งชายแปลงเป็นหญิงและผู้หญิงแปลงเป็นชาย มีดังนี้

  • ผู้ที่ป่วยโรคจิตเวช
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวและยังควบคุมไม่ได้ หรือมีการใช้ยาสเตียลอยด์ในปริมาณมาก
  • ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ยอมรับในการข้ามเพศ อาจทำให้ใช้ชีวิตลำบากหลังผ่าตัดแปลงเพศ จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า

เทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิง

การแปลงเพศจากชายเป็นหญิง มีอยู่ 3 วิธีหลัก ๆ โดยแต่ละเทคนิคก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป

เทคนิคต่อกราฟ

วิธีแปลงเพศชายเป็นหญิงด้วยเทคนิคต่อกราฟเป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ชายที่จะแปลงเพศครั้งแรก โดยการนำผิวหนังจากองคชาตและถุงอัณฑะสอดกลับเข้าไปเพื่อสร้างช่องคลอดใหม่ ความลึกเฉลี่ยของช่องคลอดอยู่ที่ 5.5 - 6 นิ้ว สามารถใช้งานได้จริง เพียงแต่จะไม่มีสารหล่อลื่นภายในช่องคลอด ต้องใช้เจลหล่อลื่นช่วยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกมีลักษณะเหมือนของเพศหญิงโดยสมบูรณ์ และที่คลิตอริส แคมใน รอบท่อปัสสาวะจะมีเส้นประสาทรับความรู้สึกอยู่ครบ ถือเป็นวิธีผ่าตัดแปลงเพศที่ซับซ้อนน้อยที่สุด เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนต่ำ ทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดช่องท้องให้มีแผลเป็นนูน แต่จำเป็นต้องมีผิวหนังอวัยวะเพศเพียงพอ 

หลังผ่าตัดแปลงเพศควรดูแลด้วยการขยายช่องคลอด หรือแยงโมเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีแรก เพื่อป้องกันช่องคลอดตีบตัน

เทคนิคการต่อลำไส้ 

เทคนิคการต่อลำไส้ จะทำการผ่าตัดช่องท้อง เพื่อนำลำไส้ใหญ่ประมาณ 7 - 8 นิ้วมาทำเป็นช่องคลอด ช่วยให้ช่องคลอดมีความลึกมากขึ้น ไม่ตีบตันง่าย ทั้งยังมีสัมผัสใกล้เคียงกับของจริง ผลิตเมือกได้เอง แต่ก็ยังควรใช้เจลหล่อลื่นช่วยเพื่อลดการเสียดสี เทคนิคแปลงเพศนี้เหมาะกับคนที่มีเนื้ออวัยวะเพศน้อยหรือองคชาตเล็กเกินไป รวมถึงผู้ที่เคยแปลงเพศแล้ว แต่ช่องคลอดตีบตัน อยากเพิ่มความลึก

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงด้วยเทคนิคนี้ สามารถดูแลด้วยการขยายช่องคลอดแค่บริเวณปากทางได้ มีความสะดวกมากขึ้น แต่อาจมีข้อด้อยตรงการทิ้งรอยแผลบริเวณหน้าท้อง พักฟื้นนาน และเป็นวิธีแปลงเพศที่ราคาค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังอาจเกิดพังผืดในช่องท้อง สาเหตุของภาวะลำไส้อุดตัน พร้อมเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ได้ หลังแปลงเพศแล้ว ควรตรวจสุขภาพผู้ชายสม่ำเสมอ

เทคนิคต่อเยื่อบุช่องท้อง

เทคนิคนี้จะทำการผ่าตัดช่องท้อง เพื่อนำเยื่อบุช่องท้องที่ยืดลงมาไปเย็บเชื่อมต่อกับผิวหนังอวัยวะเพศ (กราฟ) ที่บริเวณช่องทางด้านหน้า สร้างความลึกได้ราว 6 - 6.5 นิ้ว เยื่อบุจะมีความเรียบลื่น มีน้ำหล่อลื่นเล็กน้อย เหมาะกับคนที่เคยผ่าตัดแปลงเพศด้วยเทคนิคต่อกราฟมาแล้ว แต่ช่องคลอดตื้นขึ้นและอยากแก้ไข รวมถึงคนแปลงเพศครั้งแรก ทว่ามีผิวหนังอวัยวะเพศน้อย

การดูแลยังต้องขยายช่องคลอดไม่ต่างจากการทำกราฟ เพื่อไม่ให้ปากทางเข้าตีบตัน มีการทิ้งแผลผ่าตัดบริเวณท้อง และควรใช้เจลหล่อลื่นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง

ไม่ว่าจะแปลงเพศด้วยเทคนิคใด หลังผ่านไป 4 - 6 เดือน หากแคมมีขนาดไม่สวยงาม ขาดสมดุล สามารถเข้ารับการผ่าตัดตกแต่งแคม ซึ่งคล้ายกับการตกแต่งเลเบียของเพศหญิงได้


เทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศ จากหญิงเป็นชาย

สำหรับผู้หญิงที่ต้องการแปลงเพศเป็นผู้ชาย จะมีอยู่ 2 เทคนิค โดยมีรายละเอียดแตกต่างกันดังนี้

เทคนิคเมตตอยด์

ผู้ที่จะทำต้องทานฮอร์โมนเพศชายราว 1 - 2 ปี เพื่อให้คลิตอริสโตอย่างน้อย 4 เซนติเมตร เพื่อนำมาสร้างเป็นองคชาตขนาดเล็ก โดยยังเก็บส่วนที่รับรู้ความรู้สึกทางเพศไว้ พร้อมต่อท่อปัสสาวะที่ทำจากผนังช่องคลอดออกมาที่ส่วนปลาย ใส่ลูกอัณฑะเทียม และผ่าตัดปิดช่องคลอด ข้อด้อยของเทคนิคนี้คือองคชาตมีขนาดเล็กจนไม่สามารถร่วมเพศได้ และอาจมีอาการปัสสาวะเล็ด

เทคนิคฟาโรห์

เป็นการผ่าตัดแปลงหญิงเป็นชายที่มีวิธีซับซ้อน พักฟื้นนาน แต่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่า เนื่องจากอวัยวะเพศจะมีขนาดใหญ่ได้รูป ใช้งานได้จริงทุกประการ โดยนิยมขึ้นรูปด้วยเนื้อต้นขาด้านนอก พร้อมต่อท่อปัสสาวะออกมาให้ยืนขับถ่ายได้เหมือนผู้ชาย 


จะเตรียมตัวอย่างไร ก่อนผ่าตัดแปลงเพศ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ ปฏิบัติได้ ดังนี้

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไม่สูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังผ่าตัดแปลงเพศ 1 เดือน
  • งดทานวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด รวมถึงยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • ศึกษารายละเอียดการแปลงเพศ และฟังคำแนะนำของแพทย์ให้ครบถ้วน 

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดแปลงเพศ

การดูแลหลังผ่าตัดแปลงเพศ

หลังแปลงเพศ ควรดูแลรักษาแผลให้ดี เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • หลังผ่าตัดจะมีอาการปวดมาก ให้ทานยาแก้ปวดตามเวลา
  • ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้ง
  • มีเพศสัมพันธ์ได้หลัง 4 สัปดาห์
  • งดออกกำลังกายหนัก 1 เดือน
  • พักฟื้นอยู่บ้านราว 2 สัปดาห์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัดแปลงเพศ

การแปลงเพศเป็นการผ่าตัดใหญ่ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายหลายประการ อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น ดังนี้

  • มีอาการชารอบแผล แต่จะดีขึ้นใน 2-3 เดือน
  • อารมณ์แปรปรวนง่าย
  • มีน้ำเหลืองและเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดใน 1-2 สัปดาห์
  • หลังผ่าตัดแปลงเพศ อารมณ์ทางเพศจะลดลงประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะดีขึ้นตามลำดับ

สรุป ผ่าตัดแปลงเพศ ให้ตัวกับใจได้ตรงกัน

การแปลงเพศ เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่แปลงชายเป็นหญิง หรือแปลงเพศหญิงเป็นชายได้ โดยผู้ที่อยากแปลงเพศต้องได้รับการประเมินจากจิตแพทย์ และมีคุณสมบัติครบถ้วนจึงจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ สามารถปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเติมเต็มความเป็นคุณได้ที่ สมิติเวช ไชน่าทาวน์ ปรึกษาฟรี 24 ชั่วโมง

ช่องทางการติดต่อ

  • Line : @samitivejchinatown
  • Tel: 02-118-7893 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

References

Fan Liang. Gender Affirmation Surgeries. (n.d). Johns Hopkins Medicine.https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/gender-affirmation-surgeries

The University of Michigan Health. Gender Confirmation Surgery. (n.d). https://www.uofmhealth.org/conditions-treatments/transgender-services/gender-confirmation-surgery

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ
pdpa-icon

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ แสดงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเว็บไซต์และทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานมาจากที่ใด คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว​ (Privacy Policy)​