ผ่าตัดต้อกระจก ราคาแพงไหม ใครบ้างที่ควรเข้ารับการผ่าตัด
แพ็คเกจผ่าตัดต้อกระจก (Cataract Surgery Package) ราคาเริ่มต้นที่ 50,000 บาท คืนความคมชัดให้กับสายตาอีกครั้งด้วยแพทย์มากประสบการณ์ ได้ที่สมิติเวช ไชน่าทาวน์
เชื่อว่า หลายๆคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการทำเลสิค เพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตา ซึ่งแน่นอนว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจแก้ไขปัญหาสายตาด้วยเลสิคนั้น เพียงแต่กลัวใบมีด ความรู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด และกลัวผลกระทบมากมายที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดไปแล้ว
ขอให้คุณทิ้งความกังวลเหล่านั้นไปได้เลย เพราะในปัจจุบัน มีนวัตกรรมเลสิคแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้ใบมีด หรือที่เรียกว่า “ReLEx SMILE (รีเล็กสมาย)” เข้ามาช่วยในการผ่าตัดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การทำ ReLEx SMILE คืออะไร? น่าสนใจแค่ไหน? แล้วเหมาะสำหรับใครบ้าง? มาทำความรู้จักกันได้ในบทความนี้
สารบัญบทความ
• ReLEx SMILE คืออะไร
• ข้อดีของการทำ ReLEx SMILE มีอะไรบ้าง
• ใครที่เหมาะกับการทำ ReLEx SMILE
• การประเมินสภาพสายตาก่อนเข้ารับการรักษา
• วิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด ReLEx SMILE
• ขั้นตอนการผ่าตัด ReLEx SMILE
• การปฏิบัติตัวหลังเข้าการรักษาด้วย ReLEx SMILE
• ข้อจำกัดของการทำ ReLEx SMILE
• ReLEx SMILE ที่ไหนดี
• FAQ การผ่าตัดเลสิค ReLEx SMILE
• โปรโมชั่น ReLex Smile ราคาพิเศษ
• ข้อสรุป
ReLEx SMILE ย่อมาจากคำว่า ReLEx (Refractive Lenticule Extraction) และคำว่า SMILE (Small Incision Lenticule Extraction) คือ เทคโนโลยีการผ่าตัดรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนจากการใช้ใบมีดมาเป็นการใช้แสงเลเซอร์ในการปรับรูปร่างหรือความโค้งของกระจกตา ซึ่งพัฒนามาจากการทำเลสิคแบบดั้งเดิม ทำให้วิธีการนี้มีข้อดีเพิ่มมากขึ้น และสามารถลดภาวะแทรกซ้อนบางอย่างลงได้
ReLEx SMILE เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.2004 Carl Zeiss Meditec ได้ทำการจัดตั้งทีม เพื่อสร้าง femtosecond laser ที่สามารถตัดเลนส์ภายในกระจกตาได้ขึ้น จากนั้นเริ่มมีการศึกษาในกลุ่มสัตว์ทดลอง เพื่อพิสูจน์แนวคิดการตัดเลนส์ภายในกระจกตา และได้รับผลลัพธ์ว่า สามารถเป็นไปได้ มีความปลอดภัยในการดึงเลนส์ที่ตัดไว้ภายในกระจกตาออกมา
ในเวลาต่อมา เริ่มมีการศึกษาทางคลินิกครั้งแรกในประเทศเยอรมนี ปี ค.ศ.2006 มีผู้เข้ารับการผ่าตัดจริง ซึ่งการผ่าตัดนี้ สามารถทำได้โดยการกรีดแผล 2 - 3 ครั้งในการดึงเลนส์ที่ตัดไว้ออกมา หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น ผลการศึกษาจึงได้ถูกเผยแพร่ออกไป จนในปี ค.ศ.2008 Dr. Rupal Shah ประเทศอินเดีย ได้ทำการผ่าตัดด้วยวิธีการดังกล่าว โดยการกรีดแผลเพียงครั้งเดียว และผลการศึกษาในเรื่องนี้ จึงได้เผยแพร่ออกไปในวงกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการศึกษาจะสามารถทำได้จริง และมีความปลอดภัย แต่ในเวลานั้น ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ดีเทียบเท่าเลสิค จึงทำให้เกิดการปรับปรุงพัฒนาหลากหลายอย่างในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปแบบการสแกนของเลเซอร์ การเพิ่มความถี่ ลดพลังงานของเลเซอร์ รวมไปจนถึงการปรับปรุงขั้นตอนการผ่าตัดต่างๆด้วย
จนในที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาทางคลินิกต่างๆ ในปี ค.ศ.2016 ReLEx SMILE ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับการรักษาภาวะสายตาสั้น และในปี ค.ศ.2017 มีการใช้วิธีการทำ ReLEx SMILE อย่างแพร่หลายมากกว่า 1 ล้านครั้งทั่วโลก
การทำ ReLEx SMILE คือ การผ่าตัดไร้ใบมีด โดยใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ซึ่งแพทย์จะทำการแยกชั้นกระจกตาเป็นรูปเลนส์ (Lenticule) อยู่ภายในกระจกตา จากนั้นดึงออกผ่านแผลขนาดเล็ก ประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร เมื่อดึงออกแล้ว กระจกตาจะมีการเปลี่ยนแปลงความโค้ง ทำให้การหักเหของแสงดีขึ้น จุดรวมแสงจึงตกกระทบลงที่จอประสาทตาพอดี
ส่วนการผ่าตัดโดยใช้วิธีการทำเลสิคธรรมดา จะต้องมีการผ่าตัดแยกชั้นกระจกตา โดยการใช้ใบมีด หรือ ใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ก่อน จากนั้นจึงทำการใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) ในการปรับความโค้งของกระจกตาตามที่มีการคำนวณไว้ และสุดท้ายจึงนำชั้นกระจกตาปิดลงกลับสู่ที่เดิม
ความแตกต่างนี้ ทำให้การผ่าตัดแบบReLEx SMILE เป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลาน้อย รบกวนกระจกตาน้อยที่สุด จึงทำให้แผลหายได้เร็ว ผลข้างเคียงน้อยกว่า ปลอดภัยกว่า และกระจกตามีความแข็งแรงมากกว่าแบบเลสิค
สนใจปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา ด้วยประสบการณ์ทำเลสิคกว่า 10,000 เคส
มั่นใจด้วย 2 เทคโนโลยีนำเข้าจากเยอรมันล่าสุด (German Medical Technology 2021)
รับส่วนลด ส่วนลด ReLEx SMILE 3,500 บาท เมื่อซื้อโปรแกรมตรวจประเมินสายตาก่อนทำเลสิกที่ LAZADA พร้อมรับสิทธินอน รพ. ฟรี 1 คืน
ซื้อผ่าน LAZADA คลิกเลย
ก่อนที่จะเข้าสู่การอธิบายวิธีการทำ ReLEx SMILE เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า วิธีนี้มันมีข้อดีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ โดยข้อดีหรือจุดเด่นหลักของการทำรีเล็กสมาย มีดังนี้
• วิธีการทำReLEx SMILE ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด
• ไม่ต้องใช้เครื่องมือแยกชั้นฝากระจกตาแบบเลสิค ทำให้รู้สึกสบายตาหลังการผ่าตัด
• หมดกังวลเรื่องภาวะแทรกซ้อนจากการแยกชั้นฝากระจกตาที่เกิดขณะผ่าตัด หรือฝากระจกตาเคลื่อนหลังผ่าตัดแบบวิธีเลสิค
• ReLEx SMILE เป็นวิธีการผ่าตัดแบบไร้ใบมีดอย่างสิ้นเชิง (Bladeless)
• ReLEx SMILE มีความแม่นยำสูง และใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย
• แผลที่ได้มีขนาดเล็ก ลดภาวะแทรกซ้อน หรือผลข้างเคียงได้ และใช้ระยะการพักฟื้นไม่นาน
• สามารถแก้ไขปัญหาสายตาสั้นได้ถึง 1000 (-10.00 D) และสายตาเอียงได้ถึง 500 (หรือ -5.00 D)
• ReLEx SMILE เป็นทางเลือกที่ทันสมัยที่สุดของการรักษาค่าสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์
• ผู้ที่มีข้อจำกัดเรื่องความหนาของกระจกตา กระจกตาบาง หรือผู้ที่ไม่สามารถทำ Femto lasik, PRK หรือ เลสิคแบบใบมีด สามารถใช้วิธีนี้ในการผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตาได้
เมื่อสภาพร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ก็มักจะเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วใครบ้างที่จะเหมาะกับการทำ ReLEx SMILE ? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการนี้ได้? ซึ่งเกณฑ์บุคคลที่เหมาะสมสำหรับการทำรีเล็กสมาย ได้แก่…
• การทำ ReLEx SMILE เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1000 (-10.00 D) สายตาเอียงไม่เกิน 500 (หรือ -5.00 D) หรือมีภาวะสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง
• มีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยมีค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี หรือเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 50 ในรอบ 1 ปี
• บุคคลที่ต้องการทำrelexตา ควรมีอายุไม่เกิน 55 ปี
• กรณีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป มีภาวะสายตาสั้นและสายตายาวตามอายุร่วมด้วย หากต้องการรักษาด้วยวิธีนี้ จะมีอยู่ 2 ทางเลือก ได้แก่
1. รักษาสายตาทั้งสองข้าง โดยการแก้ไขค่าสายตาสั้น และใช้แว่นตาเพื่อช่วยในการมองระยะใกล้
2. รักษาข้างหนึ่งให้มีค่าสายตาใกล้เคียงปกติ เพื่อให้มองเห็นชัดเจนในระยะไกล และอีกข้างทำให้เหลือค่าสายตาสั้นไว้ เพื่อช่วยมองในระยะใกล้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ และความสะดวกในการใช้ชีวิตของผู้เข้ารับการรักษา
• ผู้ที่ทำเลสิค relex ต้องไม่มีโรคเกี่ยวข้องกับกระจกตาที่ส่งผลต่อการมองเห็น เช่น โรคตาแห้งอย่างรุนแรง โรคกระจกตาย้วย และจอประสาทตาเสื่อม
• ไม่เป็นโรคทางร่างกายที่ทำให้แผลหายยาก เช่น โรคภูมิต้านตัวเอง โรค SLE โรครูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
• บุคคลที่รับประทานยารักษาสิวในกลุ่ม Isotretinoin เช่น Roaccutane, Acnotin, Isotret ควรหยุดยาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนวันตรวจวิเคราะห์สภาพตาและก่อนเข้ารับการผ่าตัด
• ผู้ที่มีการรับประทานยาประจำตัวต่างๆ เช่น ยานอนหลับ เบาหวาน ความดัน ฯลฯ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
• ผู้ที่ไม่อยู่ในช่วงระหว่างทำการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
• อย่างไรก็ตาม จะต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์สภาพตาโดยจักษุแพทย์แล้วว่า มีสุขภาพตาโดยรวมดี แข็งแรง จึงสามารถเข้ารับการรักษาได้
ก่อนเข้ารับการรักษาแบบ ReLEx SMILE จะต้องมีการตรวจสายตา โดยจักษุแพทย์อย่างละเอียดก่อน เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการตรวจวัด ไปคำนวณและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยปกติแล้ว จะใช้เวลาในการประเมินสภาพสายตา ประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งมีรายการตรวจดังนี้
• การตรวจวัดค่าสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
การวัดค่าสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการตรวจประเมินค่าสายตาเบื้องต้น ค่าสายตาจะได้มาจากการสะท้อนของแสง สามารถคำนวณหาค่าสายตาเอียง และองศาได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว
• การทดสอบการมองเห็น
การทดสอบการมองเห็น จะถูกประเมินโดยการให้คุณมองและอ่านแผ่นวัดสายตาตามเงื่อนไขที่กำหนด ตัวอักษรหรือตัวเลขบนแผ่นวัดสายตาจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆในแต่ละบรรทัด เพื่อดูประสิทธิภาพการมองเห็นว่ายังมีความชัดเจนอยู่มากน้อยเพียงใด
• การวัดความดันลูกตา
การวัดความดันลูกตา เป็นการวัดระดับความดันภายในลูกตาว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ อีกทั้งยังดูเรื่องของแนวโน้มการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตาอีกด้วย
• การตรวจและวัดค่าสายตาโดยจักษุแพทย์
การตรวจและวัดค่าสายตาโดยจักษุแพทย์ คือ จะมีการตรวจวัดต่างๆเพิ่มเติม เช่น การตรวจวัดความโค้งของกระจกตา การตรวจดูการหักเหของแสง การตอบสนองต่างๆของดวงตา เป็นต้น
• การวัดปริมาณน้ำตา
การวัดปริมาณน้ำตา (Schrimer’s Test) คือ จักษุแพทย์จะนำกระดาษสำหรับ Schrimer’s Test โดยเฉพาะ สอดเข้าไปบริเวณหนังตาด้านล่างของผู้รับการตรวจเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นจะนำกระดาษออกมาวัดระยะน้ำตา เพื่อดูว่าผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะตาแห้งหรือไม่
• การถ่ายภาพพื้นผิวกระจกตาและวัดความหนาของกระจกตา
การถ่ายภาพพื้นผิวกระจกตาและวัดความหนาของกระจกตา คือ การถ่ายภาพเพื่อนำไปคำนวณและแปลผลข้อมูลมาใช้ในการรักษาของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถดูได้ทั้งในเรื่องของ รูปร่างกระจกตา ภาวะสายตาเอียง และระดับความหนาหรือความบางของกระจกตา
• การหยอดยาขยายม่านตา
การหยอดยาขยายม่านตา จะช่วยให้รูม่านตากว้างขึ้น เพื่อตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแก้วตา น้ำวุ้นตา หรือจอตา เป็นต้น และวัดค่าสายตาได้แม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจากยาจะช่วยลดการเพ่งของตา ที่ในบางรายอาจเพ่งในการตรวจโดยไม่รู้ตัว
• การตรวจสภาพจอประสาทตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์
หลังจากที่มีการหยอดยาขยายม่านตา จักษุแพทย์จะทำการตรวจจอประสาทตา เส้นประสาทตา จุดรับภาพ ความหนาของชั้นจอประสาทตา และความผิดปกติอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปแนวทางการรักษาต่อไป
สนใจปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา ด้วยประสบการณ์ทำเลสิคกว่า 10,000 เคส
มั่นใจด้วย 2 เทคโนโลยีนำเข้าจากเยอรมันล่าสุด (German Medical Technology 2021)
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดด้วยวิธี ReLEx SMILE เราควรเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการปฏิบัติตน ดังต่อไปนี้
• การทำReLEx SMILE ควรมาถึงก่อนเวลาเข้ารับการผ่าตัด อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อมาทำการหยอดตา
• ควรสระผมก่อนมาเข้ารับการผ่าตัด งดการฉีดน้ำหอม การแต่งหน้า แต่งผมต่างๆ
• งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์
• การแต่งกายควรใส่เสื้อแบบผ่าหน้า หรือมีกระดุม เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนชุด
• เตรียมแว่นตากันแดด และค่าใช้จ่ายให้พร้อม
• แนะนำว่า ไม่ควรขับรถมาคนเดียว ควรมีผู้ดูแลมาด้วย เนื่องจากหลังผ่าตัด จะต้องใส่ที่ครอบตา 1 วัน แต่ไม่จำเป็นต้องนอนพักค้างคืนที่โรงพยาบาล
• ระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดแบบ relex smile ประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนการผ่าตัดแบบ ReLEx SMILE มีดังนี้
1. เมื่อคุณพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัดแล้ว จักษุแพทย์จะทำการหยอดยาชาลงไปที่ดวงตา
2. ยาชาเริ่มออกฤทธิ์ จักษุแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัด โดยการนำแสงเลเซอร์ที่มีชื่อว่า Femtosecond Laser ใช้ในการแยกชั้นเนื้อกระจกตาเป็นรูปเลนส์(Lenticule) ตามที่ได้คำนวณไว้ โดยไม่มีการผ่าเปิดฝากระจกตา
3. หลังจากนั้นแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็ก ประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตรที่กระจกตา และใช้เครื่องมือดึงเลนส์ที่ตัดเอาไว้อยู่ภายในออกมา
4. เมื่อเลนส์ที่ตัดไว้ถูกดึงออกมา จะทำให้กระจกตาเกิดการปรับเปลี่ยนความโค้ง ส่งผลให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจน
5. สุดท้าย หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จสิ้น แพทย์จะทำการปิดที่ครอบตาให้ และสามารถเดินทางกลับบ้านได้
เนื่องจากหลังทำ ReLEx SMILE บริเวณดวงตาจะค่อนข้างไวต่อสิ่งกระตุ้นได้ง่าย ดังนั้นการปฏิบัติตัวหลังการรักษา ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเราสามารถดูแลตนเองเพื่อป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อ หรือภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษาได้ด้วยวิธีการเหล่านี้
• การทำ ReLEx SMILE ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการบีบตาหรือขยี้ตาแรงๆ
• เพื่อป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว ควรใส่ที่ครอบตาเวลานอนอย่างน้อย 3 วัน
• ระวังไม่ให้น้ำเข้าตาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากต้องการทำความสะอาดให้เช็ดตามคำแนะนำของจักษุแพทย์
• หมั่นใช้ยาหยอดตาให้ครบตามที่จักษุแพทย์กำหนด
• หากมีภาวะตาแห้งหลังจากการผ่าตัด ให้หยอดน้ำตาเทียมบรรเทาภาวะนั้น
• ไม่ควรใช้สายตาในการจ้องมองมากเกินไป โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ การเพ่งหน้าจอโทรศัพท์ และการใช้คอมพิวเตอร์
• พักผ่อนให้มากๆ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้สายตา หรือกิจกรรมที่อาจมีเหงื่อ ฝุ่นต่างๆ เข้าตาได้
• หลังจากทำReLEx SMILE ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
• หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรสวมใส่แว่นตากันแดด
• มาตรวจติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องตามที่จักษุแพทย์นัดหมาย
เนื่องด้วยสภาพร่างกายและการฟื้นฟูตนเองของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงทำให้การใช้ระยะเวลาในการมองเห็นภาพชัดเจนแตกต่างกันไปด้วย แต่โดยทั่วไป ประมาณวันที่ 3 หลังการผ่าตัด ค่าสายตาจะเริ่มคงที่ หลายๆ คนจะเริ่มมองเห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่อถึง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เราจะสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนเป็นปกติ
ข้อจำกัด หรือข้อเสียของReLEx SMILE มีดังนี้
• ReLEx SMILE ข้อเสีย คือ ยังไม่สามารถรักษาภาวะสายตายาวตามอายุ หรือสายตายาวตั้งแต่กำเนิดได้
• การทำrelex จำเป็นต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น หากแพทย์มีความชำนาญไม่เพียงพอ อาจดึงเลนส์ที่ตัดไว้ออกมาไม่หมด ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นอย่างมาก
• ในบางรายอาจมีผลข้างเคียงทั่วไป ได้แก่ อาการเคืองตา หนักตา แสบตา คันตา ตาแห้ง น้ำตาไหล แพ้แสง เป็นต้น
หลายๆคนอาจมีข้อสงสัยว่า “ควรทำ ReLEx SMILE ที่ไหนดี?” การเลือกสถานที่ในการทำ ReLEx SMILE เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งการเลือกสถานที่ที่ดี ควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. สถานที่จะต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
เนื่องจากการทำ ReLEx SMILE เป็นการผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตา หากสถานที่นั้นไม่มีสิ่งเหล่านี้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือมีปัญหาอื่นๆตามมาได้
2. ทีมแพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์สูง มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
เพราะการทำrelex จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการผ่าตัด หากมีความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอ อาจเกิดกรณีที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ เช่น การดึงเลนส์ที่ตัดไว้ออกจากกระจกตาไม่หมด เป็นต้น
3. อุปกรณ์ครบครัน เทคโนโลยีทันสมัย
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเกิดขึ้นมากมาย การที่สถานที่นั้นมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการดูแลรักษา จะทำให้ผู้เข้ารับบริการมีความสะดวกสบาย มีทางเลือกในการรักษามากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องของความเจ็บปวด ความเสี่ยงในการผ่าตัดลดลง
4. การบริการ
สถานที่นั้นควรจะต้องมีการบริการที่ดี มีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมการรักษา มีการจัดการคิวนัดที่ดี ให้ความใส่ใจกับทุกๆเคสที่
เข้ารับการรักษา
5. ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายจะต้องมีความเหมาะสมกับการบริการหรือการรักษาที่ควรได้รับอย่างสมเหตุสมผล
6. การเดินทาง
การเดินทางมีความสะดวก สามารถเดินทางมายังสถานที่ที่ทำการรักษาได้ ทั้งผู้ที่ขับรถยนต์ส่วนตัว และผู้ที่เดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น BTS MRT หรือรถประจำทาง
ทั้งหมดนี้ คือลักษณะของการเลือกสถานที่ทำการรักษาที่ดี หากใครยังไม่มีตัวเลือกดีๆในใจ ที่ โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เราพร้อมให้การดูแลรักษาคุณ โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการรักษาแบบ Nano LASIK กับ ReLEx SMILE อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการรักษา มีความสะอาดปลอดภัย ได้มาตรฐาน ใส่ใจในทุกรายละเอียดของแต่ละเคส ให้คุณสามารถมั่นใจได้เหมือนมีคุณหมอเป็นเพื่อนบ้าน
ราคาโปรโมชั่น 88,000 บาท (ปกติ 120,000) รับสิทธิ์ตรวจประเมินก่อนรักษา มูลค่า 1,500 บาท ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อตัดสินใจรับการผ่าตัดในวันเดียวกัน
เงื่อนไข
โปรโมชั่นผ่อนชำระ รับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ แสดงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเว็บไซต์และทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานมาจากที่ใด คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)