ปลูกถ่ายกระจกตา คืออะไร ต้องรู้อะไรบ้างก่อนตัดสินใจ
ปลูกถ่ายกระจกตา วิธีช่วยดูแลการมองเห็นให้ดีขึ้น โดยใช้กระจกตาของผู้บริจาคมาปลูกถ่ายแทนกระจกตาเดิมที่มีปัญหาขุ่นมัวหรือมีรอยโรคที่เป็นอันตรายต่อการมองเห็น
อาการตาแห้งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ไม่ใช่เฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น วัยทำงาน หรือวัยรุ่น ก็สามารถพบอาการตาแห้งได้ การจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือเกิดจากสภาพอากาศภายในห้องแอร์ที่ความชื้นต่ำ ก็สามารถทำให้เกิดอาการเคืองตา แสบตา แพ้แสงได้เช่นกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ สาเหตุของโรคตาแห้ง พร้อมวิธีการรักษาและป้องกันโดยจักษุแพทย์
สารบัญบทความ
ภาวะตาแห้ง (Dry eyes) คือ อาการแสบตา ตาแห้ง เคืองตา คันตา รู้สึกเหมือนมีเศษฝุ่นอยู่ในตาตลอดเวลา ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการน้ำตาไหลน้ำ และอาการตาแดงร่วมด้วย ส่วนใหญ่อาการของโรคมักจะไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นตาบอดถาวร แต่สามารถทำให้เป็นแผลที่กระจกตา ผิวกระจกตาอักเสบ กระจกตาไม่เรียบเนียน และทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญได้
อาการตาแห้งสามารถเกิดได้หลายสถานการณ์ เช่น บนเครื่องบินหรือห้องแอร์ที่มีสภาพอากาศแห้งมากๆ ระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือใช้สายตาเป็นเวลานานจากการจ้องจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ในขณะทำงาน
ภาวะตาแห้งเกิดจากการที่ฟิล์มน้ำตาที่เคลือบกระจกตาถูกรบกวน หรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับชั้นน้ำตา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ไม่สบายตา โดยชั้นน้ำตาที่อยู่บริเวณกระจกตาจะมีทั้งหมด 3 ชั้น ได้แก่
ชั้นไขมันเป็นชั้นที่อยู่นอกสุดของชั้นน้ำตา โดยจะช่วยไม่ให้น้ำตาระเหยเร็วมากเกินไป ชั้นไขมันถูกสร้างจากต่อมไขมันที่มีชื่อเรียกว่า Meibomian Glans
ชั้นของเหลวที่เป็นน้ำ เป็นชั้นที่อยู่ระหว่างกลาง Lipid Layer และ Mucin Layer ทำหน้าที่ปกป้องดวงตา โดยการผลิตน้ำตาออกมาล้างสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในดวงตา ชั้นที่เป็นน้ำถูกสร้างจากต่อมน้ำตาที่มีชื่อว่า Lacrimal Glans
ชั้นเมือกเป็นชั้นที่อยู่ด้านในสุดของชั้นน้ำตา ทำหน้าที่ให้กระจกตาคงความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ชั้นเมือกสร้างมาจากเซลล์ที่มีชื่อว่า Goblet cell ที่อยู่ในเยื่อบุตาและในกระจกตา
โดยสาเหตุของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ
อาการตาแห้งสามารถเกิดขึ้นได้ หากกระบวนการผลิตน้ำตาออกมาไม่เพียงพอ ทางการแพทย์เรียกว่า Keratoconjunctivitis Sicca โดยสาเหตุที่ทำให้กระบวนการสร้างน้ำตาน้อยกว่าปกติ ได้แก่
อาการตาแห้ง เคืองตา อาจมาจากการระเหยของน้ำตาที่เร็วกว่าปกติ ซึ่งมีสาเหตุจากฟิล์มน้ำตา ในชั้นเกิดการอุดตัน อาการแบบนี้มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) หรือโรคทางผิวหนัง รวมทั้งยังสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้การระเหยของน้ำตาเร็วกว่าปกติ ได้แก่
โดยปกติแล้วเมื่อเกิดภาวะตาแห้ง มักมีอาการพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมีอาการดังต่อไปนี้
หากมีอาการเหล่านี้คุณมีโอกาสที่จะเป็นโรคตาแห้ง ควรพบไปจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรักษาโดยเร็วเพื่อความปลอดภัยของดวงตา
หลายคนคงเกิดความสงสัยว่า หากมีภาวะตาแห้ง รักษายังไงดี ? สำหรับคนที่ต้องการบรรเทาอาการด้วยตัวเองสามารถทำตามวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. ใช้น้ำตาเทียม
เนื่องจากน้ำตาเทียม คือ ของเหลวที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา น้ำตาเทียมจะช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง เคืองตา และแสบตาได้ ประเภทของน้ำตาเทียมมี 3 ประเภท ดังนี้
2. นวดเปลือกตา (Eyelid Massaging)
การนวดเปลือกตาช่วยบรรเทาอาการตาแห้งเรื้อรัง โดยวิธีการนวดจะต้องกดและรีดตามแนวของต่อมไขมันบริเวณขอบเปลือกตา เวลานวดเปลือกตาบนจะต้องมองลงล่างและดึงเปลือกตาให้ตึง ก่อนจะนวดจากบนลงล่าง ส่วนจะนวดเปลือกตาล่างให้ทำตรงข้าม โดยการมองข้างบนและนวดจากด้านล่างแทน
3. ประคบอุ่นบริเวณเปลือกตา (Eyelid Warming)
วิธีนี้จะช่วยให้ไขมันที่อุดตันละลายตัวและขับไขมันออกมา โดยการใช้เจลประคบร้อน หรือผ้าชุบน้ำอุ่นความร้อนที่ 40 °C ประคบที่เปลือกตาทั้งสองข้าง 10-15 นาที หากผ้าเริ่มเย็นตัวก็นำไปชุบน้ำอุ่นใหม่
4. ทำความสะอาดเปลือกตา (Eyelid Cleansing)
วิธีนี้ทำตามได้ง่าย เพียงนำสำลีชุบน้ำสะอาดที่ผสมยาสระผมสำหรับเด็กอ่อน หรือน้ำยาสำหรับความสะอาดเปลือกตา เช็ดบริเวณเปลือกตาและโคนขนตาวันละ 1-2 ครั้ง
5. ปรับพฤติกรรมประจำวัน
เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง โดยการพักสายตาเป็นระยะ ทุก 20 นาที พยายามกะพริบตาให้บ่อยขึ้น หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และสวมแว่นตาทุกครั้งที่ต้องทำกิจกรรมที่โดนลมแรง ๆ
6. ใช้เครื่องทำความชื้น
หากมีอาการตาแห้งจากสภาพอากาศที่แห้ง ภายในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ลองใช้เครื่องทำความชื้นเพิ่มความชื้นในห้อง
7. งดการใส่คอนแทคเลนส์
คอนแทคเลนส์มีการดึงน้ำตาจากกระจกตามาใช้ เพื่อให้คอนแทคเลนส์ใสอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการระคายเคืองตา และคอนแทคเลนส์ยังเป็นสาเหตุทำให้กระบวนการสร้างน้ำตาผิดปกติ หากจำเป็นจริง ๆ ควรเลือกคอนแทคเลนส์แบบ Soft lens จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
1. การใช้ยารักษาอาการตาแห้ง
ยารักษาอาการตาแห้ง ยกตัวอย่างเช่น Cyclosporine จะช่วยลดอาการอักเสบของกระจกตา และเพิ่มปริมาณน้ำตา Cholinergics เป็นยาช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตน้ำตาของร่างกาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น อย่างไรก็ตามการใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
2. น้ำตาซีรั่ม
น้ำตาซีรั่ม คือ การนำเลือดผู้ป่วยมาทำเป็นยาหยอดตา มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ โดยทางจักษุแพทย์จะพิจารณาเลือกความเข้มข้น และวิธีการเตรียมซีรั่มที่เหมาะสม ส่วนมากจะเลือกความเข้มข้นที่ 20 % Autologyous Serum Eye Drops
3. อุดรูระบายน้ำตา
อุดรูระบายน้ำตา เป็นวิธีการที่ช่วยกักเก็บน้ำตาเพื่อหล่อเลี้ยงดวงตา โดยไม่ทำให้น้ำตาไหลทิ้งลงไป วิธีการอุดรูระบายน้ำตา มี 2 แบบ คือ อุดรูระบายน้ำชั่วคราวด้วยคอลลาเจนที่สามารถสลายไปเองภายใน 3 สัปดาห์ และอุดรูระบายน้ำตาถาวร โดยทางแพทย์จะพิจารณาวิธีการจากอาการของผู้ป่วย
4. ใช้คอนแทคเลนส์ ชนิดพิเศษ
คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ หรือ Scleral Lens เป็นคอนแทคเลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีปัญหาตาแห้ง ระคายเคืองตาได้ง่าย เลนส์จะทำหน้าที่เก็บน้ำไว้ใต้เลนส์ตลอดเวลา ช่วยรักษาอาการระคายเคืองได้ดี
หากคุณมีอาการตาแห้ง คันตา หรือเคืองตา ลองสังเกตพฤติกรรมของตนเอง ว่ามีปัจจัยบ้างที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองดวงตา แล้วลองปรับพฤติกรรมตามวิธีดังต่อไปนี้ เพื่อป้องกันดวงตาของคุณ
ตาแห้งมักมีอาการที่ไม่รุนแรงมากจนถึงขั้นตาบอด แต่ก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราไม่น้อย เช่น ทำให้รู้สึกรำคาญ หากปล่อยไว้นานเข้าก็อาจเป็นแผลที่กระจกตาได้ จึงจำเป็นต้องรักษาอาการตาแห้ง ซึ่งสามารถบรรเทาอาการด้วยตัวเองหรือเลือกวิธีการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์
สำหรับคนที่มีปัญหาตาแห้งระคายเคืองตา Samitivej Chinatown ขอแนะนำเครื่องตรวจวิเคราะห์ตาแห้ง Keratograph 5M ที่ช่วยตรวจน้ำตาด้วยเทคโนโลยี Placido Ring และ Infrared Imaging พร้อมระบบสแกนที่ช่วยตรวจสอบความคงตัวของน้ำตาในแต่ละบริเวณ (Tear-Film-Scan) ประเมินต่อมไขมันเปลือกตา (Meibo Scan) และ R-Scan ช่วยตรวจสอบความแดงที่เกิดการระคายเคืองดวงตา สุดท้ายเป็นซอฟต์แวร์อัจฉริยะ JENVIS Pro Dry Eye Report ช่วยสรุปความรุนแรงของอาการตาแห้งและแนะนำวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม
ข้อดีของเครื่องตรวจวิเคราะห์ตาแห้ง Keratograph 5M
หากสนใจรักษาโรคตาแห้งสามารถติดต่อไปตามช่องทางต่อไปนี้
References
Jones, L., Downie, L. E., Korb, D., Benitez-Del-Castillo, J. M., Dana, R., Deng, S. X., Dong, P. N.,Geerling, G., Hida, R. Y., Liu, Y., Seo, K. Y., Tauber, J., Wakamatsu, T. H., Xu, J., Wolffsohn, J. S., & Craig, J. P. (2017). TFOS DEWS II Management and Therapy Report. The ocular surface, 15(3), 575–628. https://doi.org/10.1016/j.jtos.2017.05.006
Koh S. (2024). Galápagosization: Diquafosol for Dry Eyes. Eye & contact lens, 50(2), 57–58. https://doi.org/10.1097/ICL.0000000000001071