โรคไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้!
บทความโดย: วันที่อัพเดท: 26 มีนาคม 2567
โรคไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้!
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ทุกคนคุ้นเคยกันมานาน แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า ไข้หวัดใหญ่นั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ต่าง ๆ รวมถึงไม่รู้วิธีป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง ไข้หวัดใหญ่นั้นแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว และอันตรายมากกว่าที่ใครหลาย ๆ คนคาดคิด จากสถิติทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ถึงปีละ 250,000 – 500,000 คน โดยประเทศไทยนั้นมีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ประมาณ 1,000 - 2,000 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี จากเดือนมกราคมถึงสิงหาคม ปี 2558 ประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ถึง 23 คน ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มีอยู่ในช่วงวัยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แม้เราจะมีสุขภาพที่แข็งแรง แต่ก็สามารถติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้อื่นได้
ประเภทของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Influenza Virus ซึ่งเป็นต้นเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน โดยอาการติดเชื้อมักเริ่มขึ้นในจมูกและคอ (เยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบน) และจะแพร่กระจายไปยังปอดและหลอดลม แต่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ไม่ได้มีแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้น โดยไข้หวัดใหญ่มีสายพันธุ์ใหญ่หลักๆ สามสายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A สายพันธุ์ B และสายพันธุ์ C
ไข้หวัดสายพันธุ์ A และ B พบได้ทั่วโลก แต่สายพันธุ์ A สามารถระบาดได้ทั้งปี ส่วนสายพันธุ์ B เป็นไข้หวัดตามฤดูกาลซึ่งจะระบาดบ่อยในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน เพราะไวรัสไข้หวัดใหญ่จะเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในอาการเย็น
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดธรมดามีความแตกต่างกัน คือ ไข้หวัดใหญ่จะมีอาการที่รุนแรง เฉียบพลัน และยาวนานกว่าไข้หวัดธรรมดา ซึ่งดูรายละเอียดของอาการได้ตามตารางด้านล่างนี้
ความแตกต่างของโรคไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดธรรมดา |
ไข้หวัดใหญ่ |
มีไข้ไม่สูงมาก หรือมีไข้แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เด็กมักจะมีไข้สูงมากกว่าผู้ใหญ่ |
มีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส นาน 2-4 วัน |
ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและลำตัวเล็กน้อย หรืออาจไม่ปวดเลย |
มีอาการปวดตัว ปวดข้อ และปวดกล้ามเนื้ออย่างมาก |
ปวดศีรษะเล็กน้อย หรืออาจไม่ปวดเลย |
ปวดศีรษะมาก |
มีอาการอ่อนแรงและอ่อนเพลียไม่มากนัก แต่จะรู้สึกไม่สบายตัว |
รู้สึกอ่อนเพลียมาก และอาการจะยาวนาน 2-3 สัปดาห์ |
คัดจมูกบ่อย ๆ |
คัดจมูกบ่อย ๆ |
ไอแบบแห้งๆและแน่นหน้าอก แต่ไม่มากนัก |
แน่นหน้าอกหรือไอบ่อย ๆ แต่อาการอาจรุนแรงขึ้นได้ |
เจ็บคอบ่อย ๆ |
เจ็บคอบ่อย ๆ |
มีน้ำมูกบ่อย ๆ |
มีน้ำมูกบ่อย ๆ |
จามบ่อย ๆ |
จามบ่อย ๆ |
ไม่มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้ตามปกติ |
มีอาการเบื่ออาหารบ่อย ๆ |
รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ |
รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ |
คลื่นไส้และอาเจียน |
คลื่นไส้และอาเจียน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก |
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดใหญ่
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่มักมีความเสี่ยงโรคแทรกซ้อน หรืออาการโรคประจำตัวอื่น ๆ กำเริบได้มากกว่าปกติจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนหลัก ๆ มีดังนี้
ภาวะแทรกซ้อนระบบทางเดินหายใจ
ผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติ นอกจากไอหรือมีเสมหะธรรมดา เช่น แน่นหน้าอก เจ็บกลางหน้าอก และหายใจมีเสียงหวีดทั่วปวด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะปอดบวมหรือหลอดลมอักเสบได้
ภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจ
เสียงเต้นหัวใจหรืออัตราการเต้นหัวใจของผู้ป่วยอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว อาจมีภาวะแทรกซ้อนทางปอดอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หัวใจวายและเสียชีวิตได้
ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท
ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท เช่น เยื่อหรือเนื้อหุ้มสมองอักเสบที่มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยเด็ก โดยมีอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ คือ อาการชัก ซึม สับสนหรือปลุกไม่ตื่น ความดันโลหิตต่ำ อาการช๊อค ไตและตับวายได้
กลุ่มเสี่ยง
โรคไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดได้ในทุกช่วงวัย แต่กลุ่มเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนขั้นรุนแรงคือ
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
- ผู้พิการทางสมอง
- ผู้มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือมากกว่า 100 กิโลกรัม
- ผู้ที่เป็นโรคอ้วน
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 6 โรค ดังต่อไปนี้ เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย โรคเบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
- ผู้ที่สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป
- บุคลากรทางการแพทย์
การป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับคนป่วย
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดในช่วงการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่
- หมั่นล้างมือบ่อย ๆ และล้างให้สะอาดทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการเอามือเข้าปาก หรือขยี้ตา
- อย่าใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี โดยเฉพาะวัดซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ที่ครอบคลุมเชื้อไวรัสทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แต่ควรฉีดก่อนฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่ระบาดมากที่สุด ซึ่งองค์การอนามัยโลกและแพทย์ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีเพราะ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง ลดความเสี่ยงได้ 50 – 95%*
*เปอร์เซ็นต์สูงสุดที่ลดความเสี่ยงได้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ในวัคซีนที่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาด
ศ.เกียรติคุณ นพ. เสน่ห์ เจียสกุล ประธานคณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์
ที่มา: 2015 Red book (Report of the Committee on Infectious Diseases)
- หายห่วงกับภาวะแทรกซ้อน
- ลดปัญหาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคต
- หมดกังวลเรื่องลาหยุดเมื่อป่วย แถมงานก็ไม่สะดุด
ผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ควรป้องกันตัวเองจากภาวะแทรกซ้อนด้วยการพักผ่อนและดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรโดนอากาศเย็นและหักโหมร่างกายจนเกินไป และหากสงสัยว่าตนเองเริ่มมีอาการของโรคไข้หวัดใหญ่หรือมีปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ ควรรีบมาพบและปรึกษาแพทย์ เพื่อที่คุณจะสามารถรักษาร่างกายให้แข็งแรงและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
แพคตรวจสุขภาพที่แนะนำ
- แพคเกจฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
- แพคเกจฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด Zostavax Vaccine
- แพคเกจตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ และกระเพาะอาหาร
- แพคเกจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- แพคเกจตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
- แพคเกจตรวจภาวะกระดูกพรุน
- แพคเกจตรวจคัดกรองโรคหลอดเลือดสมองตีบ แตก ตันเฉียบพลัน
- แพคเกจตรวจคัดกรองมะเร็งปอด