ปวดเข่าห้ามกินอะไร? พาส่องอาหารที่สุขภาพเข่าไม่ปลื้ม
ปวดเข่าห้ามกินอะไร? พาส่องอาหารที่สุขภาพเข่าไม่ปลื้ม
ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงทำให้หลายคนเริ่มมีอาการปวดสะบักไหล่สะบักหลัง และต้นคอ โดยอาการปวดสะบักมันจะพบในคนไข้ในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ หรือ ผู้ที่ทำงานยกของหนักเป็นประจำทุกวัน หรือ ผู้ที่บาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
โดยหลายคนอาจจะคิดว่าอาการปวดสะบักเป็นแค่อาการออฟฟิศซินโดรม หรือ อาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่เดี๋ยวจะค่อยๆ หายเอง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะอาการปวดสะบักไหล่อาจจะเป็นภัยเงียบที่อันตรายกว่าที่หลายๆ คนเข้าใจ
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “อาการปวดสะบัก” ทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็น สาเหตุของอาการปวดสะบัก วิธีสังเกตอาการ พร้อมแนะนำแนวทางป้องกันและวิธีรักษาที่จะช่วยให้อาการปวดสะบักที่รบกวนการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของคุณดีขึ้น หากพร้อมแล้วไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้
สารบัญบทความ
อาการปวดสะบัก ปวดไหล่ เป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อย โดยคนไข้ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในช่วงวัยทำงานที่ต้องใช้ร่างกายหนักกว่าวัยอื่นๆ จนทำให้กล้ามเนื้อสะบัก เนื้อเยื่อ ข้อต่อ กระดูก และเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บเกิดการอักเสบ หรือ เกิดพังผืด จนกลายเป็นอาการปวดตามบริเวณต่างๆ
โดยปกติแล้วอาการปวดสะบักมักจะเป็นอาการที่ไม่จำเป็นต้องกังวลและสามารถรักษาให้หายได้ แต่การละเลยอาการปวด ไม่เข้ารับการรักษาสามารถจนการเป็นการปวดสะบัดเรื้อรัง อาจจะทำให้อาการปวดลุกลามไปยังอวัยวะที่ใกล้เคียงได้
อาการปวดสะบักหลังเป็นอาการที่สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้โดยในคนไข้ที่มาพบแพทย์ ได้แก่
อาการปวดสะบักที่มีสาเหตุมาจากการตึงตัวของกล้ามเนื้อส่วนใหญ่ เมื่อกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น เกิดอาการเกร็งมักจะทำให้เกิดพังผืด หรือ เกิดก้อน Trigger point ส่งผลให้เลือดไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณสะบักได้ จึงทำให้เกิดอาการปวดสะบัก หรือเมื่อยในที่สุด
ปัญหาโครงสร้างและสรีระของร่างกายที่ทำให้เกิดอาการปวดสะบัก ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการทำกิจกรรมบางประเภท หรือ การนั่งทำงานในท่าเดิมที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นระยะเวลานาน ได้แก่ การนั่งหลังค่อม นั่งก้มคอ หรือ นั่งยื่นคอ
อุบัติเหตุเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในคนไข้ที่มีอาการปวดสะบัก ซึ่งการได้รับบาดเจ็บ เกิดอุบัติเหตุ หรือ การใช้งานกล้ามเนื้อสะบักหนักเกินไปจนทำให้กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ และเส้นประสาทบริเวณรอบๆ เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเล่นกีฬาบางชนิดที่มีโอกาสปวดสะบักมากกว่าคนทั่วไป เช่น เทนนิส เบสบอล และ เวทเทรนนิ่ง เป็นต้น
บางครั้งอาการปวดสะบักอาจจะมีสาเหตุมาจากผลข้างเคียงจากโรคอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี จนทำให้เกิดอาการปวดสะบัด ได้แก่ ออฟฟิศซินโดรม ไหล่ติด กระดูกคอทรุด กระดูกคอเสื่อม หรือภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท
อาการปวดสะบักที่หลายคนพบอาจจะมีอาการแตกต่างกัน ซึ่งไม่ใช่หรือผิดปกติ เพราะอาการปวดสะบักสามารถเกิดได้หลากหลายรูปแบบและหลายบริเวณ โดยแต่ละบริเวณจะมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน ในปัจจุบันสามารถแบ่งอาการปวดสะบักออกเป็น 5 อาการใหญ่ๆ ได้ดังนี้
อาการปวดสะบักจม ปวดสะบักซ้าย หรือ ปวดสะบักขวาข้างเดียว มักมีสาเหตุมาจากการอักเสบข้อกล้ามเนื้อ และ เส้นประสาทบริเวณรอบๆ ซึ่งทำให้เกิดพังผืดมายึดเกาะ ทำให้ไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ จึงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย
สำหรับคนไข้ที่มีอาการปวดสะบัก 2 ข้างพร้อมกัน มักมีสาเหตุมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อหนักจนทำให้เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อมัดลึกที่หลังส่วนล่าง (Serratus Posterior Superrior) , กล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงสะบัก (Rhomboid) และ กล้ามเนื้อ Longissimus Thoracis
ทำให้เกิดก้อน Trigger point ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าการเกิดพังผืดหรือก้อน Trigger point จะไปรบกวนการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจน จึงทำให้เกิดอาการปวดสะบักในที่สุด และอาการปวดล้ากล้ามเนื้อระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง ยังเป็นสัญญาณเตือนของอาการออฟฟิศซินโดรมอีกด้วย
อาการออฟฟิศซินโดรมเป็นหนึ่งในอาการที่สามารถพบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำกิจกรรมต่างๆ สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ ออฟฟิศซินโดรม เพิ่มเติมได้ที่นี่
คนไข้บางรายที่มีอาการปวดสะบักรุนแรง อาจจะมีอาการปวดสะบักร่วมกับอาการอื่นๆ ได้ เช่น
คนไข้ส่วนใหญ่ที่มีอาการปวดสะบักร่วมกับอาการปวดคอ บ่า ไหล่ มักจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคยอดฮิตในปัจจุบันอย่างออฟฟิศซินโดรม โดยการปวดสะบักร่วมกับปวดคอ บ่า ไหล่ เป็นสัญญาเตือนว่าเกิดการกดทับกันของเส้นประสาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ควรรีบไปพบแพทย์
คนไข้บางรายอาจจะมีอาการปวดสะบักร่วมกับอาการปวดหลัง โดยมีสาเหตุมาจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อมัดลึกที่หลังส่วนล่าง (Serratus Posterior Superrior) ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้เข้ารับการรักษาที่ถูกต้องอาการปวดสามารถลามไปยังบริเวณใกล้เคียงอื่นๆ ได้
คนไข้บางคนที่มีอาการปวดสะบักเมื่อลองสังเกตตนเองแล้ว รู้สึกว่าหายใจไม่อิ่ม หรือ เจ็บสะบักเวลาหายใจเข้า-ออก อาการเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อส่วนอกที่เชื่อมต่อกับสะบัก ที่อาจจะมีพังผืดเกาะอยู่บริเวณกล้ามเนื้อหน้าอก
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดสะบักร้าวลงแขนส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจากการใช้งานกล้ามเนื้อสะบักหลังมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การทำกิจกรรมบางชนิด การทำงาน การเล่นกีฬา หรือ การออกกำลังกาย จึงทำให้เส้นประสาทถูกรบกวนจนทำงานผิดปกติ
อาการปวดสะบักเฉียบพลันส่วนใหญ่มักจะเป็นอาการที่มีความรุนแรงและอันตรายสูง โดยผู้ที่มีอาการหัวใจหาย เส้นเลือดอุดตันในปอด หรือ หลอดเลือดฉีกขาด อาจจะเกิดอาการปวดสะบักเฉียบพลันอย่างรุนแรง ซึ่งอาการปวดจะมีความรุนแรงและอันตรายมากกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยทันที
ทั้งนี้อาการปวดสะบักร่วมกับอาการอื่นๆ นับว่าเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย ที่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจร่างกายและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง
แพทย์ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากการสอบถามอาการและพฤติกรรมในอดีตของคนไข้ เพื่อประกอบการวินิจฉัย พร้อมทั้งตรวจลักษณะภายนอกร่างกาย โดยแพทย์อาจจะทำการทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความสามารถในการต้านทาน
นอกจากการตรวจลักษณะภายนอกร่างกายแล้วแพทย์อาจจะใช้วิธีอื่นเพื่อวินิจฉัยอาการปวดสะบักร่วมด้วย ได้แก่
การตรวจเอกซเรย์ (X-ray) เป็นการตรวจที่หลายคนน่าจะคุ้นหูและเคยได้ยินกันมาบ้าง โดยการเอกซเรย์เป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อหาความผิดปกติของกระดูกในร่างกาย โดยสร้างภาพเอกซเรย์ที่มีลักษณะเป็นสีขาว-ดำขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัยของแพทย์แม่นยำมากขึ้น
การทำ CT Scan หรือ การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติของกระดูก ซึ่งจะช่วยทำให้เห็นรอยร้าวหรือบริเวณที่กระดูกถูกทำหลายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่ให้ภาพความละเอียดสูงกว่าการเอกซเรย์แบบธรรมดา
การทำ MRI เป็นการใช้เครื่องสนามแม่เหล็กและคลื่นความถี่วิทยุ มาสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติของ กระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ความละเอียดสูงที่สุด
ในปัจจุบันแนวทางการรักษาอาการปวดสะบักมีหลายแบบ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอาการความรุนแรงของโรค
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดสะบักไม่รุนแรง หรือ เป็นเพียงอาการเริ่มต้น ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อยับยั้งความรุนแรงของโรค เพราะสาเหตุของอาการปวดสะบักมักจะมีจากพฤติกรรมบางอย่าง
อาการปวดสะบักสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วย การรับประทานยาคล้ายกล้ามเนื้อ หรือ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ทั้งนี้การรับประทานยาเพื่อลดอาการปวดเมื่อยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ในกรณีที่ผู้ปวดเกิดอาการปวดรุนแรงไม่สามารถทนอาการปวดได้ แพทย์อาจจะแนะนำวิธีบรรเทาอาการปวดด้วยการฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ ที่ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดได้ดี ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีบรรเทาอาการปวดชั่วคราวเท่านั้น
การทำกายภาพบำบัดเป็นวิธีรักษาอาการปวดสะบักที่ได้ผลลัพธ์ดี แต่การทำกายภาพบำบัดจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือนักกายภาพที่เชี่ยวชาญและมีใบประกอบวิชาอย่างถูกต้องเท่านั้น และไม่แนะนำให้ทำกายภาพด้วยตนเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์เพราะอาจจะทำให้อาการแย่ลงได้
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดสะบักสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วย Shockwave หรือที่เรียกว่า การรักษาด้วยคลื่นกระแทก ซึ่งเป็นการใช้คลื่นที่มีความถี่ต่ำที่มีความดันสูง ช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเกิดความเสียหายและซ่อมแซมตนเอง โดยวิธีนี้สามารถรักษาอาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อและพังผืดที่เกิดได้ และเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำมาก
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ Shockwave เพิ่มเติมได้ที่นี่
การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการปวดสะบักเป็นวิธีที่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เพราะอาการปวดสะบักสามารถรักษาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และการทำกายภาพที่ถูกวิธี แต่อาจจะมีอาการปวดสะบักบางอาการที่จำเป็นต้องผ่าตัด เช่น อาการปวดสะบักรุนแรง อาการปวดสะบักที่มีสาเหตุมาจากโรคข้ออักเสบ หรือ กระดูกสะบักหัก เป็นต้น
วิธีแก้อาการปวดสะบักไหล่และหลังที่ดี คือ การทำกายบริหาร สำหรับผู้ที่มีอาการปวดสะบักสามารถบรรเทาอาการปวด หรือ ความรุนแรงของโรค ได้ด้วยการทำกายบริหาร ได้แก่
อาการปวดสะบักเป็นอาการที่สามารถป้องกันได้ เพียงเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ได้แก่
อาการปวดสะบักเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มักมาจากพฤติกรรมและการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน แม้ว่าอาการปวดสะบักจะเป็นอาการที่ดูไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอาการปวดสามารถลุกลามไปยังบริเวณอื่นๆ ที่ใกล้เคียงได้ โดยการรักษาที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการทำกายภาพบำบัด โดยการทำกายภาพบำบัดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
หากผู้ป่วยมีอาการปวดสะบัก ปวดไหล่ สามารถติดต่อสอบถามกับทีมแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ ได้ที่ Line@samitivejchinatown หรือเบอร์ 02-118-7893 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
References
Julie, M. (2022, Jan 28). What causes shoulder blade pain and How to treat it. Healthline. https://www.healthline.com/health/shoulder-blade-pain
Lynne, E. (2022, Sep 07). An overview of shoulder blade pain. Very well health. https://www.verywellhealth.com/shoulder-blade-pain-possible-causes-and-diagnosis-2248942
เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ แสดงเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจ รวมถึงเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเว็บไซต์และทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานมาจากที่ใด คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)