บทความสุขภาพ

โรคข้อเข่าเสื่อม วิธีรักษามีแบบไหนบ้าง รวมวิธีรักษาเข่าเสื่อมให้กลับมาดีขึ้น

บทความโดย: seoteam seoteam วันที่อัพเดท: 25 กันยายน 2568

โรคข้อเข่าเสื่อม วิธีรักษา

เมื่ออายุมากขึ้นอาการปวดเข่าหรือเดินไม่สะดวกอาจกลายเป็นเรื่องปกติของใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อมีโรคข้อเสื่อม ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยชอบได้เหมือนเดิม หลายคนจึงมองหาว่าโรคข้อเข่าเสื่อมมีวิธีรักษาแบบไหนบ้าง เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้ในเร็ววัน

ทั้งนี้ ปัญหาข้อเสื่อมนั้นสามารถแก้ไขได้ หากเข้าใจสาเหตุและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักกับแนวทางการดูแลรักษาข้อเข่าเสื่อมอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง


KEY TAKEAWAY

  • โรคข้อเข่าเสื่อม คือภาวะที่กระดูกอ่อนในข้อเข่าเสื่อมลง ทำให้เกิดอาการปวดและเคลื่อนไหวไม่สะดวก
  • สาเหตุของโรคข้อเสื่อมเกิดจากหลายปัจจัยทั้งความชราภาพ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การบาดเจ็บ หรือน้ำหนักตัวที่มากเกินไป
  • โรคข้อเข่าเสื่อมมีวิธีรักษามีทั้งแบบไม่ผ่าตัด เช่น กายภาพบำบัด การฉีดสาร และแบบผ่าตัดสำหรับอาการเข่าเสื่อมที่รุนแรง เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน หรือผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด
  • การรักษาข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้น สามารถทำได้โดยเริ่มจากการคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และการปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอความเสื่อมของข้อเข่าในระยะยาว

สารบัญบทความ


โรคข้อเข่าเสื่อมคืออะไร เข้าใจโรคก่อนเริ่มรักษาเข่าเสื่อม

โรคข้อเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเบาะรองรับแรงกระแทกบริเวณข้อต่อ เมื่อกระดูกอ่อนเสื่อมสภาพลง ความยืดหยุ่นของข้อเข่าจะลดลง ทำให้กระดูกในข้อเข่าเสียดสีกัน เกิดอาการปวด บวม และมีเสียงดังกรอบแกรบขณะเคลื่อนไหว

อาการของข้อกระดูกเสื่อมมักจะค่อยเป็นค่อยไปในระยะแรก และจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจทำให้โครงสร้างข้อเข่าผิดรูปและไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุให้หลายคนต้องทำความเข้าใจว่าโรคข้อเข่าเสื่อมวิธีรักษาแบบไหนที่เหมาะสมกับตนเอง


อาการโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นอย่างไร เช็กสัญญาณเตือนอาการเข่าเสื่อมที่ควรรู้

การรู้เท่าทันอาการข้อเข่าเสื่อมจะช่วยให้คุณสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ ควรเฝ้าระวังและรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

  • ปวดหรือเจ็บเข่า : อาการปวดหรือเจ็บข้อเข่ามักจะเริ่มเมื่อมีการใช้งาน เช่น เดิน, ขึ้น-ลงบันได, หรือลุกยืน และจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้พัก การปวดอาจเป็น ๆ หาย ๆ หรือปวดอย่างต่อเนื่อง
  • มีเสียงดังในข้อ : ขณะที่งอหรือเหยียดเข่า อาจได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ หรือรู้สึกถึงการเสียดสีของกระดูก
  • ข้อเข่าบวม : อาจมีอาการบวมจากน้ำในข้อ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อการอักเสบภายในข้อเสื่อม
  • ข้อยึดติด : หลังตื่นนอนหรือหลังจากนั่งเป็นเวลานาน จะรู้สึกว่าข้อติดหรือข้อยึด และอาจต้องใช้เวลาสักครู่ในการเริ่มขยับได้อีกครั้ง
  • ข้อเข่าผิดรูป : ในระยะรุนแรง หัวเข่าเสื่อมอาจทำให้ข้อเข่าโก่งเข้าด้านในหรือโค้งออกด้านนอก ทำให้การเดินไม่มั่นคง หรือความสามารถในการเดินลดลง
  • การเคลื่อนไหวจำกัด : ไม่สามารถงอหรือเหยียดเข่าได้สุดเหมือนเดิม และอาจรู้สึกเจ็บเมื่อพยายามงอหรือเหยียดเข่า

หากปล่อยให้ข้อเสื่อมไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้รับการรักษา หรือเลือกวิธีรักษาไม่เหมาะสม จะส่งผลให้อาการเข่าเสื่อมแย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่สามารถเดินหรือพยุงตัวได้ตามปกติ และอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายอื่น ๆ ตามมา


โรคข้อเข่าเสื่อมตรวจได้อย่างไร รวมวิธีวินิจฉัยข้อกระดูกเสื่อมอย่างถูกต้อง

การวินิจฉัยโรคข้อเสื่อมที่แม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม แพทย์จะใช้วิธีการตรวจหลายแบบร่วมกันเพื่อประเมินระดับความรุนแรงของข้อกระดูกเสื่อมและหาสาเหตุของอาการปวดเข่าที่เป็นอยู่

  • การตรวจร่างกาย : แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอาการและตรวจร่างกายเพื่อดูความผิดปกติของเข่า เช่น การบวม การเจ็บปวดเฉพาะจุด ความมั่นคงของข้อต่อ และการเคลื่อนไหวของเข่า (Range of Motion) รวมถึงสังเกตท่าทางการเดินของผู้ป่วย
  • การเอกซเรย์ (X-ray) : เป็นวิธีมาตรฐานที่สามารถยืนยันโรคข้อเสื่อมได้ โดยจะช่วยให้เห็นความหนาของกระดูกอ่อนที่ลดลง รวมถึงการเกิดกระดูกงอก การสลายตัวของกระดูก หรือลักษณะอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงความเสื่อมของข้อต่อ
  • การตรวจเลือด : แพทย์อาจใช้การตรวจเลือดเพื่อแยกแยะภาวะข้อเสื่อมออกจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่น ๆ เช่น โรคเกาต์หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • การตรวจ MRI หรือ CT Scan : ในบางกรณี แพทย์อาจให้ทำ MRI หรือ CT Scan เพื่อดูภาพข้อต่อแบบละเอียด ซึ่งช่วยให้เห็นสภาพของกระดูกอ่อนและเนื้อเยื่ออ่อนอื่น ๆ ได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในระยะแรกของอาการเข่าเสื่อม
  • การส่องกล้องในข้อ (Arthroscopy) : เป็นการใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในข้อเข่าเพื่อตรวจดูความเสียหายของกระดูกอ่อนและโครงสร้างภายในข้อต่อโดยตรง ซึ่งช่วยให้แพทย์ประเมินระดับความเสื่อมเพื่อวิเคราะห์ว่าควรใช้วิธีรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสม

โรคข้อเข่าเสื่อมมีวิธีรักษาด้วยตนเองหรือไม่ มีวิธีแบบไหนบ้าง

ข้อเข่าเสื่อมรักษาหายได้ด้วยตนเอง

หลายคนอาจสงสัยว่าข้อเข่าเสื่อมรักษาหายได้ด้วยตนเองได้ไหม? ในระยะเริ่มต้นของโรคข้อเสื่อมที่อาการยังไม่รุนแรง การดูแลโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยตนเองสามารถช่วยบรรเทาอาการและชะลอความเสื่อมของข้อเข่าได้ในบางกรณี ยกตัวอย่างวิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยตัวเอง เช่น

  • ควบคุมน้ำหนัก : การลดน้ำหนักจะช่วยลดแรงกดที่กระทำต่อข้อเข่าได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดอาการปวดและชะลอการเสื่อมของข้อกระดูกได้อย่างเห็นผล
  • ออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อ : การบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าอย่างสม่ำเสมอ เช่น การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ หรือการเดินเร็ว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ทำให้ข้อเข่ามีความมั่นคงและรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น
  • ปรับพฤติกรรมการใช้งานเข่า : หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องงอเข่ามาก ๆ หรือต้องรับน้ำหนักเป็นเวลานาน เช่น การขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ การนั่งยอง ๆ การคุกเข่า และการยกของหนัก
  • อุปกรณ์ช่วยพยุง : การใช้อุปกรณ์พยุงเข่า (Knee Brace) จะช่วยลดแรงกดและเพิ่มความมั่นคงขณะเคลื่อนไหว
  • การพักผ่อน : ให้ข้อเข่าได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเมื่อมีอาการปวด รวมถึงอาจใช้การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและการอักเสบ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดูแลตัวเองจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากอาการเข่าเสื่อมไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการดูแลโรคข้อเข่าเสื่อม วิธีรักษา และข้อปฏิบัติระหว่างรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับระดับความรุนแรงของโรค


โรคข้อเข่าเสื่อม วิธีรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด มีแบบไหนบ้าง

ข้อเข่าเสื่อมรักษาได้ไม่ต้องผ่าตัดในบางกรณี โดยหากอาการเข่าเสื่อมยังอยู่ในระยะเริ่มต้น วิธีแบบไม่ผ่าตัดก็เป็นทางเลือกหลักที่ช่วยบรรเทาอาการและชะลอความรุนแรงของโรคได้ แพทย์จะพิจารณาจากอาการและระดับความเสื่อมของข้อเข่าในผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อวางแผนว่าข้อเข่าเสื่อมรักษาแบบไหนจึงจะเหมาะสม ซึ่งได้แก่

  • การใช้ยา : แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้ปวดกลุ่มต่าง ๆ เช่น ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบในข้อ
  • การฉีดสาร : ยกตัวอย่างเช่น การฉีดสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) หรือที่เรียกว่าสารน้ำเลี้ยงไขข้อเพื่อเพิ่มการหล่อลื่นภายในข้อเข่า หรือการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่สึกหรอ
  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ : ใช้ในกรณีที่มีการอักเสบรุนแรงเพื่อช่วยลดอาการปวดและบวมอย่างรวดเร็ว แต่จะไม่เหมาะกับการรักษาให้หายในระยะยาว
  • การใช้คลื่นแม่เหล็กและไฟฟ้า : การใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (TENS, NMES) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Pulsed Electromagnetic Fields) เพื่อช่วยลดอาการปวดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • การรักษาด้วยคลื่นวิทยุและเลเซอร์ : การใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) หรือเลเซอร์พลังงานต่ำ (Low-Level Laser Therapy: LLLT) ช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะช่วยให้ข้อเข่ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • การรักษาอื่น ๆ : รวมถึงการทำธาราบำบัด (Hydrotherapy) การนวดบำบัด และการฝังเข็ม ซึ่งเป็นทางเลือกเสริมที่ช่วยลดอาการปวดและเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อได้

โรคข้อเข่าเสื่อม วิธีรักษาแบบผ่าตัด มีแบบไหนบ้าง

โรคข้อเสื่อม วิธีรักษา

หากอาการเข่าเสื่อมอยู่ในระยะรุนแรงและการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดข้อเข่าเสื่อม ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อเข่าได้ดีขึ้น ซึ่งมีอยู่ 2 รูปแบบหลักที่เหมาะสมกับความรุนแรงที่แตกต่างกัน ได้แก่

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการข้อกระดูกเสื่อมเฉพาะส่วนของข้อเข่า โดยแพทย์จะนำเฉพาะกระดูกอ่อนที่เสื่อมสภาพออก และแทนที่ด้วยข้อเข่าเทียมบางส่วน โดยโรคข้อเข่าเสื่อมวิธีรักษาแบบผ่าตัดประเภทนี้จะช่วยคงเนื้อเยื่อและกระดูกในส่วนที่ดีไว้ได้ ทำให้ฟื้นตัวได้ดีกว่าการผ่าตัดใหญ่ และอาการเจ็บปวดน้อยกว่า

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด

โรคข้อเข่าเสื่อมวิธีรักษาประเภทนี้จะใช้ในผู้ป่วยที่มีการเสื่อมของข้อเข่าอย่างรุนแรง แพทย์จะนำกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าที่เสียหายออกทั้งหมด และแทนที่ด้วยข้อเข่าเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกชนิดพิเศษ ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและทำให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงปกติมากยิ่งขึ้น


การดูแลตัวเองก่อนและหลังการผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเป็นวิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมที่ให้ผลลัพธ์ดีในระยะยาว แต่ข้อเข่าเสื่อมรักษาหายไหมนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์เพียงอย่างเดียว การเตรียมความพร้อมที่ดีทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

  • ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด : พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวังและผลลัพธ์ที่ต้องการจากการผ่าตัด รวมถึงสอบถามความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
  • เตรียมร่างกายให้พร้อม : หากมีโรคประจำตัว ควรควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติ และงดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
  • วางแผนการฟื้นตัว : โดยเฉพาะข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ รักษาด้วยการผ่าตัดมักมีความเสี่ยงมากกว่ามาก จึงควรเตรียมที่พักอาศัยเพื่อการดูแลให้ปลอดภัยและสะดวกต่อการเคลื่อนที่ เช่น จัดบ้านให้ไม่มีสิ่งกีดขวาง เตรียมอุปกรณ์ช่วยเดิน และจัดหาคนดูแลในระยะแรกหลังการผ่าตัด 

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

  • ทำกายภาพบำบัดหลังผ่าตัด : เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อเข่าและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นตัว
  • ทานยาอย่างสม่ำเสมอ : ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อควบคุมอาการปวดในระยะแรกหลังการผ่าตัด
  • ดูแลแผลให้สะอาด : ทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และควรสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
  • เลี่ยงการใช้แรงหรือเคลื่อนไหวมาก : ในช่วงแรกอาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน และค่อย ๆ เพิ่มกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การขึ้นบันได และการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ซึ่งต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวมากกว่า
  • พบแพทย์ตามนัด : เพื่อให้แพทย์ตรวจเช็กอาการและประเมินผลการฟื้นตัวอย่างใกล้ชิด

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) โรคข้อเข่าเสื่อมและวิธีรักษา

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณคลายความกังวลและตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น มาดูกันว่าคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมและวิธีรักษามีอะไรบ้าง

โรคข้อเข่าเสื่อม รักษาหายไหม?

โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะความเสื่อมตามธรรมชาติที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีหลากหลายวิธีรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการปวด ทำให้การใช้งานดีขึ้น และชะลอความเสื่อมของข้อไม่ให้ลุกลาม

โรคข้อเข่าเสื่อม วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ผลจริงไหม? หายขาดหรือเปล่า?

วิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ผ่าตัดสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและชะลอการเสื่อมของข้อในระยะเริ่มต้นถึงปานกลางได้จริง แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจึงต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง

วิธีรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบผ่าตัด อันตรายไหม?

การผ่าตัดมีโอกาสเกิดความเสี่ยงได้ แต่หากเลือกรับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานและมีแพทย์ผู้ชำนาญการ การผ่าตัดรักษาเข่าเสื่อมก็ถือเป็นวิธีที่สามารถดูแลให้ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว


โรคข้อเข่าเสื่อม เลือกวิธีรักษาที่ถูกต้อง คืนความแข็งแรงให้ข้อเข่า เพื่อชีวิตที่เต็มที่มากยิ่งขึ้น

แม้ข้อเสื่อมจะกระทบต่อความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ในปัจจุบันโรคข้อเข่าเสื่อมมีวิธีรักษาหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทำกายภาพบำบัด หรือแม้แต่การผ่าตัด ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้คุณสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เราพร้อมให้การดูแลและรักษาปัญหาข้อกระดูกเสื่อมอย่างครอบคลุม ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่พร้อมวินิจฉัยและวางแผนว่าโรคข้อเข่าเสื่อมวิธีรักษาแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับคุณ ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและเทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัย เพื่อให้คุณกลับมามีข้อเข่าที่แข็งแรง และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์


References

Knee Osteoarthritis. (2025, January 30). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21750-osteoarthritis-knee

Hsu, H. (2023, June 26). Knee Osteoarthritis. National Library of Medicine. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK507884/

Knee Osteoarthritis. (n.d.). Physiopedia. https://www.physio-pedia.com/Knee_Osteoarthritis

Durning, M. (2025, June 17). What Is Knee Osteoarthritis?. WebMD. https://www.webmd.com/osteoarthritis/ostearthritis-of-the-knee-degenerative-arthritis-of-the-knee

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ