บทความสุขภาพ

มะเร็งเต้านม อาการในระยะแรกสัญญาณเตือนที่คุณควรรู้

บทความโดย: วันที่อัพเดท: 31 ตุลาคม 2568

มะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่ควรได้รับการใส่ใจอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเตรียมรับมือและดูแลสุขภาพตนเอง ก้อนมะเร็งเต้านมที่เกิดขึ้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเฝ้าระวัง การรู้เท่าทันอาการของมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ตรวจพบโรคได้เร็วขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดโอกาสของการลุกลามและช่วยให้การรักษาโรคมะเร็งเต้านมมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม


KEY TAKEAWAY

  • มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิง แต่หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จะมีโอกาสรักษาหายสูง
  • การสังเกตอาการเตือนของมะเร็งในระยะแรก เช่น คลำเจอก้อน หรือมีของเหลวไหลออกจากหัวนม เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
  • ผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพผู้หญิง และตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วย Mammogram หรือ Ultrasound อย่างสม่ำเสมอ
  • สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 30–35 ปี เพื่อค้นหาอาการมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและลดความรุนแรงของโรค
  • วิธีรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี เคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และฮอร์โมนบำบัด ซึ่งแต่ละวิธีขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์และความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย

สารบัญบทความ


มะเร็งเต้านม โรคร้ายอันดับ 1 ในผู้หญิง

ก้อนมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านมคือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในเต้านม ซึ่งมีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อขึ้นภายในเต้านม หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เซลล์มะเร็งเต้านมอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายได้ ซึ่งจะทำให้การรักษามีความซับซ้อนและเป็นอันตรายมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การตรวจพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะโอกาสในการรักษาให้หายขาดนั้นมีสูง การใส่ใจสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเต้านม เช่น การพบก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายผู้หญิง หรือบริเวณเต้านมอื่น ๆ ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่อาจมองข้ามได้ การเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตามคำแนะนำทางการแพทย์จะช่วยให้สามารถรับมือกับโรคมะเร็งเต้านมนี้ได้อย่างเหมาะสม และเพิ่มโอกาสในการกลับมามีสุขภาพที่ดีได้


อาการของมะเร็งเต้านมที่พบ

มะเร็งเต้านมมีการแบ่งระยะเพื่ออธิบายขอบเขตการลุกลามของโรค ซึ่งส่งผลต่อแนวทางการดูแลและผลลัพธ์ของการรักษา มะเร็งเต้านมแบ่งออกเป็น 5 ระยะหลัก ได้แก่ ระยะที่ 0 ไปจนถึงระยะที่ 4 โดยแต่ละระยะมีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันดังนี้

  • มะเร็งเต้านมระยะที่ 0 : เป็นระยะแรกเริ่มที่เซลล์ผิดปกติยังอยู่เฉพาะในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม ยังไม่ลุกลามออกไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง ผู้ป่วยในระยะนี้มักจะไม่มีอาการแสดงชัดเจน แต่หากตรวจพบจะมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูง
  • มะเร็งเต้านมระยะที่ 1 : อาการมะเร็งระยะที่ 1เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามออกนอกท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนมเข้าสู่เนื้อเยื่อเต้านมที่อยู่ใกล้เคียง แต่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ ก้อนมะเร็งจะมีขนาดเล็ก ซึ่งมักจะยังไม่มีอาการแสดงออกชัดเจนมากนัก การตรวจคัดกรองจึงมีความสำคัญ
  • มะเร็งเต้านมระยะที่ 2 : ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้แล้วบางส่วน อาการมะเร็งเต้านมที่พบในระยะนี้อาจเริ่มมีก้อนที่คลำได้ชัดเจน หรือมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังเต้านม
  • มะเร็งเต้านมระยะที่ 3 : เซลล์มะเร็งมีการลุกลามขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน หรือมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้หลายต่อมมากขึ้น หรืออาจลุกลามเข้าสู่ผนังทรวงอกหรือผิวหนังเต้านม ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เช่น ก้อนขนาดใหญ่ ผิวหนังเต้านมแดง บวม หรือมีแผล
  • มะเร็งเต้านมระยะที่ 4 (ระยะแพร่กระจาย) : เป็นระยะที่เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายจากเต้านมไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น ปอด ตับ กระดูก หรือสมอง การรักษามุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม 

มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถสังเกตสัญญาณเตือนได้ตั้งแต่ระยะแรก หากรู้เท่าทันอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ก็จะช่วยให้เข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านมได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความรุนแรงของโรค โดยสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่

  1. คลำพบก้อนเนื้อหรือหนาตัวในเต้านมหรือรักแร้ : การคลำพบก้อนที่เต้านมหรือเต้าแข็งเป็นก้อนไม่มีลูกเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ ถึงแม้ก้อนนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บก็ตาม
  2. การเปลี่ยนแปลงของขนาดหรือรูปร่างเต้านม : เต้านมข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างมีการเปลี่ยนแปลงขนาด รูปทรง หรือดูไม่สมดุลกันผิดปกติไป
  3. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังเต้านม : เช่น ผิวหนังมีลักษณะบุ๋ม ย่น คล้ายเปลือกส้ม ผื่นแดงมะเร็ง หรือมีอาการบวมแดงผิดปกติ 
  4. การเปลี่ยนแปลงของหัวนม : เช่น หัวนมบุ๋มลงไป หัวนมพลิกกลับ หรือมีการหลั่งสารคัดหลั่งผิดปกติจากหัวนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเลือดปนออกมา
  5. อาการเจ็บปวดที่เต้านมหรือรักแร้ : มีอาการเจ็บเต้านมต่อเนื่องหรือไม่สัมพันธ์กับรอบเดือน และมีการเจ็บเต้าสองข้างที่ผิดปกติ
  6. ผื่นหรือแผลบริเวณหัวนมหรือเต้านมที่ไม่หายขาด : มีผื่นคัน แดง เป็นแผลบริเวณหัวนมหรือเต้านมที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
  7. อาการบวมบริเวณรักแร้หรือรอบไหปลาร้า : เป็นสัญญาณของการแพร่กระจายของมะเร็งเต้านมไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง

หากพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมเพิ่มเติม เพื่อความมั่นใจในสุขภาพของตนเอง


มะเร็งเต้านม ใครบ้างที่เสี่ยงเป็น

15 อาการเริ่มต้นของมะเร็ง

มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ระดับความเสี่ยงของแต่ละคนอาจแตกต่างกันตามอายุ พันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำความเข้าใจว่ากลุ่มใดมีความเสี่ยงมากหรือน้อย จะช่วยให้สามารถวางแผนตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเต้านมได้อย่างเหมาะสม และลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งเต้านมในระยะรุนแรงได้

กลุ่มคนทั่วไปที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง

  • ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม (Mammogram) ทุก 1–2 ปี
  • ผู้หญิงอายุ 50–74 ปี ควรตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำทุก 2 ปี เพื่อเฝ้าระวังมะเร็งเต้านมที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
  • หากพบว่าเต้านมมีลักษณะคล้ายก้อนเนื้อมะเร็ง หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโดยเร็วที่สุด

กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง

  • ผู้ที่มีญาติสายตรง เช่น แม่ พี่สาว หรือลูกสาว เคยเป็นโรคมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่
  • ผู้ที่มีการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 หรือ BRCA2
  • เคยได้รับรังสีบริเวณทรวงอกในช่วงอายุ 10–30 ปี
  • เคยตรวจชิ้นเนื้อแล้วพบภาวะเสี่ยง เช่น Atypical Ductal Hyperplasia (ADH) หรือ Lobular Carcinoma in Situ (LCIS)

ปัจจัยเสี่ยงรูปอื่น ๆ

  • การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือดื่มเกินวันละ 1 แก้ว
  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน โดยเฉพาะหลังหมดประจำเดือน
  • การไม่ออกกำลังกายหรือใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่งเป็นเวลานาน
  • การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อเนื่องเป็นเวลานาน

สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง (High Risk) หากมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ แพทย์แนะนำให้เริ่มจากการตรวจสุขภาพผู้หญิง และตรวจคัดกรอง Mammogram รวมถึง Ultrasound ตั้งแต่อายุ 30–35 ปีขึ้นไป เพื่อค้นหาโรคมะเร็งเต้านมหรืออาการเตือนของมะเร็งในระยะแรก และรับการดูแลอย่างเหมาะสม


การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีกี่แบบ

การตรวจคัดกรองเป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหามะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ประสบความสำเร็จ การทำความเข้าใจวิธีตรวจต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้หญิงทุกคนดูแลสุขภาพเต้านมของตนเองได้อย่างถูกวิธี และลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งเต้านม

  • การตรวจแบบดิจิทัลแมมโมแกรม (Digital Mammogram) : เป็นการตรวจทางรังสีที่ใช้ปริมาณรังสีในระดับต่ำคล้ายการเอกซเรย์ทั่วไปแต่มีความละเอียดสูง สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ขนาดเล็กมาก รวมถึงการตรวจจับหินปูนในเต้านมที่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ขนาด 0.1-1 เซนติเมตร การตรวจวิธีนี้มีความสามารถในการแสดงภาพโครงสร้างภายในของเต้านมผู้หญิงได้อย่างชัดเจน
  • การตรวจแบบอัลตราซาวนด์ (Breast Ultrasound) : เป็นการตรวจที่ใช้คลื่นความถี่สูง ไม่ได้ใช้รังสี สามารถบอกความแตกต่างของเนื้อเยื่อได้อย่างละเอียด ช่วยในการระบุก้อนเนื้อที่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม รวมถึงลักษณะของก้อนเนื้อว่าเป็นของแข็งหรือของเหลว อย่างไรก็ตาม การตรวจอัลตราซาวนด์มีข้อจำกัดคือไม่สามารถตรวจจับหินปูนขนาดเล็กได้

เพื่อความแม่นยำและถูกต้องในการตรวจหามะเร็งเต้านมระยะแรกและวางแผนรักษาได้อย่างรวดเร็ว จึงควรตรวจทั้งสองรูปแบบควบคู่กันไป เนื่องจากมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ช่วยให้การวินิจฉัยมะเร็งเต้านมมีความครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด


การรักษามะเร็งเต้านมมีวิธีใดบ้าง

มะเร็งเต้านมอาการ

การรักษาโรคมะเร็งเต้านมในปัจจุบันมีหลายวิธี ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามระยะของโรค ลักษณะของก้อนมะเร็งเต้านม และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยวิธีในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม มีดังนี้

  • การผ่าตัดเต้านม (Surgery) : เป็นวิธีรักษาหลักของโรคมะเร็งเต้านม โดยแพทย์จะผ่าตัดนำก้อนมะเร็งเต้านมและเนื้อเยื่อรอบข้างออก อาจเลือกผ่าตัดเฉพาะก้อนหรือผ่าตัดเต้านมทั้งหมด ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง
  • การฉายแสง (Radiation Therapy) : ใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็งในบริเวณเต้านมหรือรักแร้ มักจะใช้หลังผ่าตัดเพื่อลดโอกาสที่เซลล์มะเร็งจะกลับมาอีก เหมาะกับผู้ที่พบมะเร็งเต้านมอาการระยะเริ่มต้นถึงระยะลุกลาม
  • การให้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) : เป็นการใช้ยาเพื่อทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่หรือมีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งในร่างกาย
  • การให้ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) : ใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น เซลล์ที่มีโปรตีน HER2 สูง เพื่อยับยั้งการเติบโตของมะเร็งโดยไม่ทำลายเซลล์ปกติ ช่วยเสริมการรักษาและลดผลข้างเคียง
  • ฮอร์โมนบำบัด (Hormone Therapy) : เหมาะกับผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งเต้านมไวต่อฮอร์โมน โดยใช้ยาช่วยลดหรือยับยั้งผลของฮอร์โมนที่กระตุ้นให้มะเร็งเติบโต
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) : เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำลายเซลล์มะเร็งได้เอง ช่วยลดการกลับมาเกิดซ้ำของมะเร็งเต้านม และเพิ่มโอกาสฟื้นตัวในผู้ป่วยบางกลุ่ม

มะเร็งเต้านมเป็นแล้วรักษาได้ ปรึกษาแพทย์ที่ สมิติเวช ไชน่าทาวน์

มะเร็งเต้านมเป็นโรคที่รักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนของมะเร็งเต้านมทั้งจากอาการผิดปกติและการสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเต้านมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าอาการเตือนของมะเร็งในระยะแรกมักไม่แสดงชัดเจน การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ตรวจพบมะเร็งเต้านมได้เร็วยิ่งขึ้นและเพิ่มโอกาสรักษาให้หายขาดได้มากขึ้น

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมหรือสงสัยว่าตนเองอาจมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น สามารถเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์ได้ที่ สมิติเวช ไชน่าทาวน์ โรงพยาบาลที่ให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมครบวงจรโดยทีมแพทย์เฉพาะทางและเครื่องมือทันสมัย สามารถติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


References

World Health Organization. (2025, August 14). Breast cancer. World Health Organization. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/breast-cancer

Gopal Menon; Fadi M. Alkabban; Troy Ferguson. (2024, February 25). Breast Cancer. National Library of Medicine. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK482286/

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ