บทความสุขภาพ

เลือดออกทางช่องคลอด (Vaginal Bleeding) แบบไหนผิดปกติ?

บทความโดย: seoteam seoteam วันที่อัพเดท: 31 ตุลาคม 2568

เลือดออกทางช่องคลอด

เลือดออกทางช่องคลอดเป็นอาการที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยเจอในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต บางครั้งอาจเกิดขึ้นตามรอบเดือนปกติ แต่บางครั้งกลับมีความผิดปกติจนทำให้รู้สึกกังวลว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณบางอย่างมาหรือไม่ มาทำความเข้าใจกันว่าการมีมูกเลือดออกทางช่องคลอดแบบไหนถือว่าปกติ และแบบไหนที่ควรรีบปรึกษาคุณหมอ เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพได้อย่างมั่นใจและไม่ต้องกังวลเกินไป


KEY TAKEAWAY

  • ก้อนเลือดที่ออกมาจากช่องคลอดแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบปกติ (ประจำเดือน) และแบบผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะในร่างกายที่ควรตรวจเพิ่มเติม
  • สาเหตุที่ทำให้เลือดออกผิดปกติอาจเกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล การติดเชื้อ ภาวะตั้งครรภ์แทรกซ้อน เนื้องอก หรือโรคมะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์
  • หากมีเลือดออกจากช่องคลอดมากเกินไป ออกนานผิดปกติ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องรุนแรง วิงเวียนศีรษะ หรือมีไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • การตรวจวินิจฉัยทำได้หลายวิธี เช่น ตรวจเลือด ตรวจภายใน อัลตราซาวนด์ และส่องกล้องโพรงมดลูก เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการเลือดออกในช่องคลอด
  • แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับต้นเหตุ เช่น การปรับฮอร์โมน การให้ยาปฏิชีวนะ การขูดมดลูก หรือการผ่าตัดรักษาในรายที่พบเนื้องอก

สารบัญบทความ


เลือดออกทางช่องคลอดแบ่งลักษณะได้อย่างไรบ้าง

ก้อนเลือดออกมาจากช่องคลอด

เลือดออกทางช่องคลอดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมีทั้งลักษณะที่ถือว่าปกติและผิดปกติ การสังเกตลักษณะของเลือดที่ออกมาจะช่วยให้ประเมินเบื้องต้นได้ว่าควรพบแพทย์หรือไม่

โดยทั่วไป การมีเลือดออกจากช่องคลอดจะแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่

  • เลือดออกทางช่องคลอดแบบปกติ (Normal Vaginal Bleeding) คือเลือดที่เกิดจากรอบประจำเดือน ซึ่งเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อไข่ที่รังไข่ผลิตออกมาไม่ได้รับการปฏิสนธิ เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวขึ้นเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ก็จะหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน ซึ่งอาจจะปวดท้องน้อยหน่วง ๆ และมีเลือดออกเป็นปกติ
  • เลือดออกทางช่องคลอดแบบผิดปกติ (Abnormal Vaginal Bleeding) คือเลือดที่ออกนอกช่วงประจำเดือน หรือเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ไม่ควรมีเลือดออก เช่น มีเลือดออกในช่องคลอดเป็นลิ่มแต่ไม่ใช่ประจำเดือน หรือมีเลือดออกก่อนเข้าสู่วัยมีประจำเดือน (อายุต่ำกว่า 9 ปี) เป็นต้น

เลือดออกทางช่องคลอดมีสาเหตุมาจากอะไร

ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยทั่วไปสาเหตุของเลือดออกทางช่องคลอดมักพบได้จากหลายกรณี เช่น

  • ความผิดปกติของฮอร์โมน เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายไม่สมดุลกัน จะส่งผลให้เยื่อบุมดลูกหลุดลอกออกผิดเวลา ทำให้มีเลือดเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
  • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก การแท้งบุตร รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะรกเกาะต่ำ และอาจรวมถึงภาวะ PCOS ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดเลือดออกทางช่องคลอดได้
  • การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ การอักเสบของช่องคลอด ปากมดลูก หรืออุ้งเชิงกราน รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้เยื่อบุเนื้อเยื่อเกิดการระคายเคืองและมีเลือดออกผิดปกติร่วมกับอาการคันหรือเจ็บแสบ
  • ความผิดปกติของมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูก เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก หรือปากมดลูก ซึ่งมักทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ และมีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ
  • เนื้องอกในมดลูก เป็นก้อนเนื้อที่เจริญขึ้นภายในมดลูก โดยส่วนใหญ่ไม่ใช่มะเร็ง แต่สามารถทำให้มีเลือดออกมากในช่วงประจำเดือน หรือปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยได้
  • มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก มะเร็งช่องคลอด หรือมะเร็งรังไข่ ซึ่งอาจทำให้เลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะในหญิงวัยหมดประจำเดือน

เลือดออกทางช่องคลอด อาการแบบไหนควรพบแพทย์

อาการเลือดออกทางช่องคลอดอาจเกิดจากภาวะชั่วคราว เช่น ความเครียดหรือความผิดปกติของฮอร์โมน แต่หากเลือดออกมีลักษณะผิดไปจากเดิม หรือเกิดร่วมกับอาการบางอย่าง อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการตรวจโดยสูตินรีแพทย์ทันที โดยอาการที่ควรพบแพทย์จะมีดังต่อไปนี้

  • เลือดออกในปริมาณมากกว่าปกติ หรือมีเลือดไหลต่อเนื่องนานเกิน 7 วัน
  • ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยกว่าทุก 1–2 ชั่วโมง
  • รู้สึกคันช่องคลอด ไม่สบายตัว
  • ปวดท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกรานรุนแรงร่วมกับเลือดออก
  • รู้สึกวิงเวียน หน้ามืด หรืออ่อนเพลียจนแทบยืนไม่ไหว
  • มีไข้ หนาวสั่น หรือตกขาว มีกลิ่นผิดปกติร่วมด้วย
  • มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังหมดประจำเดือน
  • อาการเลือดออกเกิดซ้ำบ่อย หรือมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

หากสังเกตพบอาการเหล่านี้อย่าปล่อยไว้จนเรื้อรัง เพราะอาจเกี่ยวข้องกับภาวะฮอร์โมนผิดปกติ มีเชื้อราในช่องคลอด หรือเนื้องอกมดลูก การตรวจหาสาเหตุให้เร็วที่สุดจะช่วยให้รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เลือดออกทางช่องคลอดต้องทำการตรวจวินิจฉัยอย่างไร

เมื่อมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและวางแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยโรงพยาบาลจะดำเนินการตรวจสุขภาพผู้หญิง ด้วยการวินิจฉัยผ่านขั้นตอนดังนี้

  • ซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น : แพทย์จะสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรอบเดือน ลักษณะของเลือดที่ออก ความถี่ ปริมาณ และอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ปวดท้องน้อยหรือเวียนศีรษะ พร้อมตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณของความผิดปกติ
  • ตรวจเลือด : เพื่อประเมินระดับฮอร์โมนที่อาจมีผลต่อรอบเดือน รวมถึงตรวจค่าการแข็งตัวของเลือดในผู้ที่สงสัยโรคเลือดผิดปกติ
  • ตรวจภายในและอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) : ใช้ตรวจดูความผิดปกติของช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก และรังไข่ เช่น ติ่งเนื้อ เนื้องอก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ รวมถึงใช้ประเมินสภาพภายในโพรงมดลูกอย่างละเอียด
  • ส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก (Hysteroscopy) : เป็นเทคนิคการตรวจโดยใช้กล้องขนาดเล็กสอดผ่านปากมดลูก เพื่อดูความผิดปกติภายในโพรงมดลูกแบบละเอียด สามารถตรวจพบติ่งเนื้อ เนื้องอกเล็ก ๆ หรือพังผืดได้อย่างชัดเจน มักใช้ในกรณีที่การตรวจทั่วไปหรือการอัลตราซาวนด์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด

เลือดออกทางช่องคลอดต้องทำการรักษาอย่างไร

มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด

แนวทางการรักษาเลือดออกทางช่องคลอดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยวิธีการรักษาที่ใช้โดยทั่วไปมีดังนี้

  • ใช้ยาเม็ดหรือยาฉีดในกรณีที่เลือดออกเกิดจากภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เพื่อช่วยควบคุมรอบเดือนและลดการหลุดลอกของเยื่อบุมดลูกผิดปกติ
  • ใช้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อภายในช่องคลอด ปากมดลูก หรืออุ้งเชิงกราน เพื่อลดการอักเสบและป้องกันการลุกลามของเชื้อโรค
  • ขูดมดลูก (Dilation and Curettage) เป็นการรักษาในกรณีที่เลือดออกมากหรือไม่หยุดแม้ได้รับยาแล้ว รวมถึงช่วยให้แพทย์ตรวจเนื้อเยื่อของเยื่อบุมดลูกเพิ่มเติมเพื่อหาความผิดปกติอื่น ๆ
  • ใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อควบคุมรอบเดือน หากไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน แพทย์อาจให้ยาคุมกำเนิดเพื่อช่วยควบคุมการตกไข่และปรับรอบเดือนให้สม่ำเสมอ
  • ในกรณีที่พบเนื้องอกหรือก้อนเนื้อในมดลูก อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเอาเฉพาะก้อนเนื้อออก หรือในบางรายที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดมดลูกเพื่อควบคุมภาวะเลือดออก

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เลือดออกทางช่องคลอด

อาการเลือดออกทางช่องคลอด มักทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่ คำถามที่หลายคนสงสัยก็ได้ได้ถูกรวบรวมคำตอบมาให้ไว้ต่อไปนี้

เลือดออกทางช่องคลอดแบบไหนเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก

หากมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกในหญิงวัยหมดประจำเดือน หรือมีเลือดออกบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคได้

เลือดออกจากช่องคลอดแบบไหนไม่ใช่ประจำเดือน?

เลือดที่ออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน หรือเลือดที่มีปริมาณน้อยแต่เกิดถี่ ไม่ตรงตามรอบ ถือว่าไม่ใช่ประจำเดือน


เลือดออกทางช่องคลอด ไม่ใช่โรคร้ายเสมอไป!

อาการเลือดออกทางช่องคลอดอาจฟังดูน่ากังวล แต่ในหลายกรณีอาจเป็นเพียงความผิดปกติเล็กน้อยของฮอร์โมน หรือการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัย ซึ่งสามารถรักษาและดูแลได้หากได้รับการตรวจอย่างถูกวิธี สิ่งสำคัญคืออย่านิ่งนอนใจ เพราะบางครั้งอาการเล็กน้อยอาจซ่อนสาเหตุสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

หากมีอาการเลือดออกผิดปกติ หรือไม่แน่ใจว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ทีมสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ พร้อมดูแลผู้ป่วยทุกท่านอย่างใกล้ชิดด้วยเทคโนโลยีตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัย เพื่อให้มั่นใจในสุขภาพของตนเองอีกครั้ง

ติดต่อสอบถามได้ที่


References 

Julie Marks. (May 27, 2025). Why Am I Spotting Between Periods?. Healthline. https://www.healthline.com/health/womens-health/spotting-before-periods

Mary Ellen Ellis. (March 17, 2023). Vaginal Bleeding Between Periods. Healthline. https://www.healthline.com/health/vaginal-bleeding-between-periods

Vaginal Bleeding. (October 9, 2022). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/17899-vaginal-bleeding

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ