ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ง่ายนิดเดียว
บทความโดย: วันที่อัพเดท: 26 มีนาคม 2567
แค่ตรวจ HPV DNA!
ผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม แต่รู้ไหมว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งชนิดเดียวที่ถ้ารู้ก่อน จะป้องกันและรักษาให้หายได้ ด้วยการตรวจภายในเป็นประจำ และด้วยเทคโนโลยีล่าสุด อย่างการตรวจคัดกรองมะเร็งแบบลงลึก HPV DNA
- แต่ละปีจะมีผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกประมาณ 6,000 – 8,000 คน และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 8-10 คน* (ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ)
- คนที่มีเคยเพศสัมพันธ์มาแล้ว มีโอกาสติดเชื้อ HPV ครั้งหนึ่งในชีวิต 80-90% (แต่อาจจะเป็นเชื้อที่ก่อมะเร็งและไม่ก่อมะเร็งก็ได้)
- ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ ต้องตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก ถ้ามาตรวจพร้อมๆ กัน จะพบคนที่ตรวจพบเชื้อ Positive ถึง 15% (มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก
HPV จะทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าร่างกายเราแข็งแรง
5 ปัจจัยหลักที่ทำให้เราห่างไกลจากเชื้อ HPV ซึ่งต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกได้ มีดังต่อไปนี้
- อาหาร คุณหมอแนะนำว่าคนที่ร่างกายแข็งแรง ก็ต้องกินอาหารให้ครบมื้อครบหมู่ ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่เพียงพอและถูกต้อง พอร่างกายแข็งแรง ภูมิเราก็จะแข็งแรงตามไปด้วย
- ออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที และต้องเป็นแบบ Active Exercise ที่เป็นเน้นการเบิร์น อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และจะส่งผลถึงภูมิเฉพาะที่ปากมดลูกเราด้วย เหมือนคนออกกำลังกายก็จะไม่ค่อยเป็นหวัดง่าย
- การพักผ่อน การนอนแบบหลับลึกจะดีที่สุด ไม่ใช่นอนหลับตื่นมาปวดหัว หรือนอนไม่เต็มอิ่ม แบบนี้เรียกว่าเป็นการนอนที่ไม่มีคุณภาพ
- ความเครียด สำคัญสุดคือ “ต้องไม่เครียด” คุณหมอบอกเลยว่าความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกันของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเครียด ร่างกายก็จะป่วยง่าย และจะรวนไปทั้งระบบ (ให้ระวังความเครียดที่เราไม่รู้ตัว อย่างคนที่เป็นโรคกระเพาะ ปวดแสบปวดท้อง แสดงว่าร่างกายมีความเครียดขึ้นแล้วแต่ไม่รู้ คุณหมอบอกว่าถ้ากินไม่ดีก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นมากขึ้น หรือคนที่ท้องผูก นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายอาจกำลังสะสมความเครียดเหมือนกัน)
- บุหรี่ ทั้งการสูบเองหรือสูดกลิ่นควันบุหรี่ของคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง แต่กลับกันทำให้เชื้อ HPV แข็งแรงขึ้นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงที่สูบบุหรี่หรือสูดควันบุหรี่เป็นประจำจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันเฉพาะที่บริเวณมูกที่เคลือบปากมดลูก ทำให้มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคร้ายได้เร็วยิ่งขึ้น และจากสถิติการเกิดมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงที่สูบบุหรี่ เสี่ยงมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ 3 เท่า
ผู้หญิงทุกคนล้วนเสี่ยงติดเชื้อ HPV!
แต่ละปีจะมีผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกประมาณ 6,000-8,000 คน และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 8-10 คน* (ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ )ซึ่งดูเหมือนจะน้อย แต่บอกเลยว่า ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่เรามีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกแล้ว และเกือบ 100% ของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV เพราะเป็นเชื้อที่ติดง่าย นอกจากเพศสัมพันธ์แล้ว ยังสามารถติดต่อทางการสัมผัสได้ด้วย (แต่จะเป็นลักษณะเหมือนพาหะที่นำพาเชื้อไปสู่ช่องคลอดเราได้) และพอติดเชื้อแล้ว กลับไม่ปรากฎอาการอะไรสักอย่าง ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่มีบาดแผลอะไรเกิดขึ้น ทำให้กว่าจะรู้ตัวก็ใช้เวลาหลายปีไปแล้ว
HPV เป็นสาเหตุเดียวของมะเร็งปากมดลูกหรือไม่
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากเชื้อ HPV สาเหตุเดียวเท่านั้น แต่ก็ต้องเป็น HPV ชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ซึ่งมีทั้งหมด 15 สายพันธุ์ จากทั้งหมด 100 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ 16 และสายพันธุ์ที่ 18 เพราะฉะนั้นแปลว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ต้องมีเชื้อไวรัสถึงจะเป็นมะเร็งได้นั่นเอง
HPV DNA คืออะไรคือ
เวลาตรวจภายใน คุณหมอจะเอาอุปกรณ์ใส่เข้าไปในช่องคลอด แล้วดูช่องคลอดพร้อมปากมดลูก (ปากมดลูกคือส่วนที่ยื่นเข้ามาในช่องคลอด) โดยเฉพาะปากมดลูกจะเป็นจุดที่ไวรัสชอบมากเป็นพิเศษ เพราะมีกระบวนการการแบ่งตัวอยู่เสมอ เชื้อไวรัสก็จะเข้าไปบริหารจัดการทำให้เกิดการแบ่งตัวที่ผิดปกติขึ้นมา แต่จะเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไม่มีอาการอะไรที่แสดงถึงความผิดปกติ ไม่มีเลือดออก และไม่มีอาการปวดท้อง
- การตรวจแปปสเมียร์เพิ่มเติมในปัจจุบันก็ไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้แล้ว และมีโอกาสตรวจไม่พบรอยโรคก่อนมะเร็งถึง 15-20% แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ เราสามารถตรวจให้ลึกลงไปอีกด้วยการวิธี HPV DNA และถ้าเจอเชื้อไวรัส HPV ก็สามารถระบุได้เลยว่าเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เป็นมะเร็งได้หรือไม่
HPV อยู่ในร่างกายเราได้เป็นสิบปี
คนที่ติดเชื้อ HPV ร่างกายจะไม่แสดงอาการผิดปกติอะไรให้รู้เลย นั่นทำให้เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าเราติดเชื้อ HPV หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่มาเข้ารับการตรวจ ผลที่ตามมาก็คือ รู้ตัวอีกทีเราก็เป็นมะเร็งปากมดลูกไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้นการตรวจ HPV DNA ร่วมกับการตรวจแปบสเมียร์ จะช่วยให้เรารู้ตัวก่อน ก่อนที่จะสายเกินไปนั่นเอง
3 ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก
- เชื้อที่จะทำให้เป็นมะเร็งได้ ต้องเป็นเชื้อไวรัส HPV กลุ่มที่ความเสี่ยงสูงเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 15 สายพันธุ์
- ใน 15 สายพันธุ์นี้ มีทั้งสายพันธ์ที่แรงมาก แรงน้อย เพราะฉะนั้นคนที่ติดเชื้อ HPV นี้เข้าไปแล้ว จะมีโอกาสหายมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อด้วย
- “เชื้อไวรัส” ปกติก็จะไม่มียาฆ่าเชื้อโดยตรงอยู่แล้ว แต่จะขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของเราว่า เมื่อไรที่ภูมิคุ้มกันของเราดีก็จะเคลียร์การเกิดโรคไปได้เอง ยกตัวอย่างคนที่เป็นหวัด ส่วนหนึ่งก็เกิดจากพักผ่อนน้อย ร่างกายย่ำแย่ เครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันตก หรือคนที่เป็นเริม พอร่างกายแข็งแรง พักผ่อนเพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ ก็สามารถหายเองได้ แต่โรคพวกนี้ยังมีอาการที่บอกให้รู้ว่าเราเริ่มป่วย หรือเราหายป่วยแล้ว แต่ถ้าคนที่ติดเชื้อ HPV จะไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาเลย และต้องใช้เวลานานเป็นเดือนๆ หรือปีๆ กว่าจะหายเองได้ ซึ่งปกติ 60-70% ของคนที่เป็นจะหายเองได้
ตรวจแล้วทำไมยังเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก
เพราะกระบวนการเกิดโรคที่ช้า ใช้เวลาในการพัฒนาเป็นมะเร็งนานเป็นปีเช่นกัน คุณหมอถึงบอกว่าเป็นโรคเดียวที่สามารถรักษาให้หายได้ถ้ารู้ตัวก่อน เพราะฉะนั้นคนที่จะเป็นถึงมะเร็งปากมดลูกได้คือ คนที่ไม่มาตรวจเลยเป็นเวลานาน หรือเคยมาตรวจแล้วไม่มาฟังผล หรือบางคนรับทราบผลตรวจแล้วว่าผิดปกติ แต่ไม่มีอาการอะไรก็เลยไม่ได้รักษาหรือติดตามต่อ บางคนตรวจแค่หนเดียวได้ผลปกติก็คิดว่าชีวิตนี้ไม่ต้องตรวจแล้ว
“ผู้หญิงแทบทุกคนเคยติดเชื้อไวรัส HPV”
ได้ยินแบบนี้แล้วแทบช็อคไปหตามๆ กัน คุณหมอบอกว่ามีการเก็บรวบรวมสถิติมาแล้วพบว่า
- คนที่มีเคยเพศสัมพันธ์มาแล้ว มีโอกาสติดเชื้อ HPV ครั้งหนึ่งในชีวิต 80-90% (แต่อาจจะเป็นเชื้อที่ก่อมะเร็งและไม่ก่อมะเร็งก็ได้)
- ตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าหลังจากนั้นจะมีแฟนคนเดียวทั้งชีวิต มีเพศสัมพันธ์กับแฟนตลอดหรือมีเพศสัมพันธ์กันครั้งเดียวแล้วนานอีกหลายปีถึงมี ตามสถิติพบว่าครึ่งหนึ่งจะเคยสัมผัสเชื้อ HPV ภายในช่วง 2 ปีแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
- ผู้หญิงแต่ละคนอาจจะเคยสัมผัส และเคยหายจากเชื้อ HPV มาแล้วหลายรอบโดยไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็ได้ เพราะการติดเชื้อ HPV จะไม่มีอาการ สัมผัสแล้วจะไม่รู้เลยและสามารถหายเองได้ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย
- ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ที่ต้องตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก ถ้ามาตรวจพร้อมๆ กันหมด จะมีคนที่มีโอกาสตรวจพบเชื้อชนิดก่อมะเร็ง (เสี่ยงสูง) Positive ถึง 15% (มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก)
รู้หรือไม่ ผู้ชายก็เสี่ยงติดเชื้อ HPV
ผู้ชายก็มีเชื้อไวรัส HPV เหมือนกันแต่มีโอกาสตรวจเจอเชื้อน้อยมาก ผู้ชายเหมือนเป็นแค่พาหะเฉยๆ คุณหมอเลยไม่แนะนำให้ตรวจไวรัส HPV ในผู้ชาย
ป้องกันได้ง่ายๆ แค่ต้องตามโรคให้ทัน
- คนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลยตลอดชีวิต ไม่มีแฟนเลยก็ไม่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก
- การป้องกันแบบปฐมภูมิ คือการป้องกันก่อนติดเชื้อ เป็นการสร้างกำแพงไว้เลยด้วยการฉีดวัคซีน HPV ที่ในเมืองไทยมีมาแล้ว กว่า 20 ปี ล่าสุดจะเน้นป้องกันอยู่ 2 สายพันธุ์หลักๆ ที่ 70% เป็นต้นเหตุของของการก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก คือ สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 เพราะฉะนั้นถ้าฉีดป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีการสัมผัสเชื้อสองตัวนี้ได้ก็จะดีที่สุด และสามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็ก คืออายุ 9-10 ขวบ และมีการทำวิจัยมาเป็นสิบกว่าปีแล้วค้นพบว่า สำหรับเด็กๆ ไม่จำเป็นต้องฉีด 3 เข็มเหมือนผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี สามารถฉีดวัคซีน HPV แค่ 2 เข็มก็มีภูมิคุ้มกันต่อ 2 สายพันธุ์หลัก ป้องกันได้ 100% ทำให้ไม่เกิดมะเร็งปากมดลูกจาก HPV สองสายพันธุ์นี้ แต่ถ้าอายุมากกว่า 15 ปี คุณหมอก็แนะนำให้ฉีด 3 เข็มเหมือนเดิม
- การป้องกันแบบทุติยภูมิ คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอาจจะติดเชื้อมาแล้ว พยายามตรวจหาโรคหรือเชื้อให้เจอก่อนลุกลามเป็นมะเร็ง หมายความว่ามีการสัมผัสติดเชื้อแล้วและมีการเปลี่ยนแปลงแต่ยังไม่เป็นมะเร็ง เพราะมีการตรวจเจอซะก่อน
- การตรวจแปปสเมียร์ เป็นการหาความผิดปกติก่อนที่จะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก เพื่อหาวิธีดูแลรักษาให้หายได้ โดยสมัยนี้มีวิธีตรวจคัดกรองเพื่อหาความผิดปกติของปากมดลูกด้วยกัน 2 วิธี คือ การป้ายเก็บตัวอย่างเซลล์ไปตรวจหาความผิดปกติ (แปปสเมียร์) และอีกวิธีหนึ่งก็คือการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ที่เรียกว่า HPV Test หรือ HPV DNA เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV โดยการตรวจหา DNA ของเชื้อไวรัส ถ้าพบว่าเป็น Positive แสดงว่าพบกลุ่มเชื้อที่ก่อมะเร็ง (เสี่ยงสูง) และ Negative หมายถึงไม่พบเชื้อที่ก่อมะเร็ง ซึ่งล่าสุดตัว HPV Test หรือ HPV DNA นี้ สามารถระบุกลุ่มของเชื้อและสายพันธุ์ได้เลย
หลังตรวจ HPV DNA ไม่ต้องตรวจซ้ำไป 3 ปีได้จริงหรือ
เดี๋ยวนี้หลายๆ ประเทศก็ใช้ HPV DNA เป็นมาตรฐานในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกกันเป็นส่วนใหญ่ คนที่ตรวจแล้วเป็น Negative คือไม่พบเชื้อกลุ่มก่อมะเร็ง ก็สามารถเว้นการตรวจไปเลย 3 ปี ถึงมาตรวจซ้ำอีกครั้ง ระหว่างนี้ไม่ต้องเช็คเลย เพราะยังไงถึงจะเริ่มผิดปกติก็ยังไม่เป็นมะเร็งภายใน 3 ปีแน่นอน เมื่อถึงเวลามาตรวจซ้ำแล้วเจอก็อาจจะแค่ความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดูแลทัน ปกติคุณหมอจะแนะนำให้คนไข้ตรวจทุกปี เป็นแค่แปปสเมียร์เฉยๆ ไม่ต้องทำ HPV Test ทุกปี