บทความสุขภาพ

โรคตาในเด็ก สังเกตอาการผิดปกติของดวงตาลูกน้อยได้อย่างไร?

บทความโดย: seoteam seoteam วันที่อัพเดท: 2 มิถุนายน 2568

โรคตาในเด็ก

ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างสู่โลกกว้าง การมองเห็นจึงเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทักษะของเด็ก แต่ทว่าโรคตาในเด็กกลับเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคต้อกระจกในเด็ก ภาวะเด็กตาเหล่ หรือโรคตาเด็กอื่น ๆ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจทำให้เด็กมีพัฒนาการการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตที่แย่ลงได้ 

เนื้อหาในบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคตาในเด็ก วิธีสังเกตอาการและแนวทางป้องกัน เพื่อให้ลูกน้อยมีดวงตาที่สดใสและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์


สารบัญบทความ


รู้ทัน! โรคตาในเด็กมีอะไรบ้าง?

ตาเด็กแรกเกิด

โรคตาในเด็กสามารถเกิดได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยเรียน โดยแต่ละช่วงวัยจะมีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่งโรคตาในเด็กที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามช่วงวัยมีดังนี้

โรคตาในเด็กที่คลอดก่อนกำหนด

เด็กที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ หากได้รับออกซิเจนมากเกินไปในช่วงแรกเกิด และโรคจอประสาทตาเสื่อมก็เป็นสาเหตุสำคัญที่อาจทำให้ตาเด็กแรกเกิดมีภาวะตาบอดได้ ซึ่งโรคตาในเด็กกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจคัดกรองอย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรกเกิด

โรคตาในเด็กทารก

พัฒนาการการมองเห็นของทารกวัยนี้จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เริ่มมองตามวัตถุและจดจำใบหน้าได้ หากสังเกตเห็นความผิดปกติ เช่น ตาทารกแรกเกิดมีลักษณะขุ่นมัว หรือเด็กทารกตาเหล่ อาจเป็นสัญญาณของโรคอันตรายอย่างต้อกระจกในเด็ก หรือต้อหินแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังมีภาวะท่อน้ำตาอุดตัน ที่ทำให้มีน้ำตาเอ่อหรือขี้ตามากกว่าปกติ ซึ่งควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว

โรคตาในเด็กก่อนวัยเรียน

ในวัยนี้เด็กจะเริ่มสำรวจสิ่งรอบตัวด้วยสายตาอย่างกระตือรือร้น หากลูกมีอาการมองเห็นไม่ชัด เอียงคอ หรือกะพริบตาบ่อย อาจเป็นสัญญาณของภาวะสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น ยาว หรือเอียง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตาขี้เกียจได้ นอกจากนี้ ตากุ้งยิง ซึ่งเกิดจากการอุดตันและการอักเสบของต่อมไขมันที่เปลือกตา ก็เป็นอีกโรคที่พบบ่อยในเด็กวัยนี้ 

โรคตาในเด็กวัยเรียนที่อายุ 6 ปีขึ้นไป

เด็กวัยนี้มีการใช้สายตาในการเรียนรู้และทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น พัฒนาการทางสายตาจะสมบูรณ์เกือบเต็มที่ หากเด็กเริ่มบ่นว่ามองกระดานไม่ชัด ปวดศีรษะ หรือต้องหรี่ตามอง อาจบ่งบอกถึงภาวะสายตาผิดปกติอย่างสายตาสั้น ยาว หรือเอียง ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขด้วยใส่แว่นตา นอกจากนี้การตรวจคัดกรองสายตาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาการมองเห็นที่อาจส่งผลกระทบต่อการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก


โรคตาในเด็กที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน

โรคตาในเด็กบางชนิดอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านการมองเห็นในระยะยาว โดยเฉพาะในเด็กที่มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ลูกชอบกลอกตา หรือลูกชอบเหลือกตา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคตาที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัย โดยโรคตาในเด็กที่พบได้บ่อย มีดังนี้

โรคสายตาขี้เกียจ

โรคสายตาขี้เกียจ (Amblyopia) คือภาวะที่ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งมีพัฒนาการด้านการมองเห็นไม่สมบูรณ์ แม้ดวงตาจะดูปกติแต่กลับมองไม่ชัด ถ้าหากลูกของคุณมีอาการชอบกลอกตา หรือเอียงคอเพื่อมอง อาจเป็นสัญญาณของภาวะนี้ 

ภาวะตาเข ตาเหล่

ภาวะตาเข (Strabismus) หรือเด็กตาเหล่ คือภาวะที่ดวงตาทั้งสองข้างไม่สามารถทำงานประสานกันได้ ทำให้ดวงตาข้างหนึ่งอาจมองตรง แต่อีกข้างกลับเบนออกไปด้านข้าง ขึ้นบน หรือลงล่าง ซึ่งโรคตาในเด็กที่พบได้บ่อย และถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะสายตาขี้เกียจได้ พ่อแม่ควรสังเกตอาการหากลูกมีพฤติกรรม เช่น ลูกชอบกลอกตา หรือมีการเพ่งตาในลักษณะที่ผิดปกติ ควรรีบพามาพบจักษุแพทย์โดยเร็ว

สายตาสั้น ยาว หรือเอียงในเด็ก

ภาวะสายตาผิดปกติเหล่านี้เป็นปัญหาโรคตาในเด็กที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในวัยเรียน สายตาสั้นทำให้มองวัตถุไกล ๆ ไม่ชัด สายตายาวทำให้มองวัตถุใกล้ ๆ ไม่ชัด และสายตาเอียงทำให้การมองเห็นบิดเบี้ยว หากเด็กมีอาการปวดศีรษะ มองเห็นไม่ชัด หรือต้องหรี่ตาเพื่อมอง การพาลูกไปตรวจวัดสายตาและแก้ไขด้วยการใส่แว่นตาที่เหมาะสมจะช่วยให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ และไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในระยะยาว


โรคตาในเด็ก วิธีสังเกตความผิดปกติ

โรคตาในเด็กวิธีสังเกต

การสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคตาในเด็กเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเด็กเล็กอาจยังไม่สามารถบอกอาการผิดปกติได้ด้วยตนเอง พ่อแม่จึงควรใส่ใจพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณเตือน โดยวิธีสังเกตโรคตาในเด็ก ได้แก่

  • เด็กมีพฤติกรรมหรี่ตาหรือเอียงศีรษะเวลามองสิ่งของ
  • ขยี้ตาบ่อย หรือหลบแสงแม้อยู่ในที่มีแสงปกติ
  • มีปัญหาในการมองภาพจากระยะไกลหรือใกล้ เช่น นั่งชิดโทรทัศน์
  • บ่นปวดศีรษะ หรือบ่นแสบตาบ่อย
  • ลูกมีพฤติกรรมที่ไม่ปกติขณะเล่นหรือดูของ เช่น ชอบหลบตาหรือไม่สบตา

ถ้าหากสังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปตรวจสายตาโดยจักษุแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาในทันที


โรคตาในเด็กและวิธีการรักษา

การรักษาโรคตาในเด็กมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กกลับมามองเห็นได้เป็นปกติ และมีพัฒนาการที่ดี โดยวิธีรักษาโรคตาในเด็ก มีดังนี้

ใช้แว่นตาแก้ไขปัญหาสายตา

สำหรับเด็กที่มีปัญหาค่าสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง การใส่แว่นตาเป็นการรักษาหลักที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ แว่นตาจะช่วยปรับการหักเหของแสงให้ตกกระทบจอประสาทตา ทำให้เด็กมองเห็นภาพได้คมชัดขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตาขี้เกียจตามมาได้อีกด้วย

ใช้วิธีปิดตาข้างที่ดี

วิธีปิดตาข้างที่ดี มักจะใช้ในการรักษาภาวะตาขี้เกียจ โดยการปิดตาข้างที่มองเห็นได้ดีกว่า เพื่อกระตุ้นให้สมองของเด็กหันมารับสัญญาณจากตาข้างที่อ่อนแอและใช้งานมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยพัฒนาการมองเห็นของตาข้างที่มีปัญหาให้ดีขึ้น และควรทำภายใต้คำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างใกล้ชิด

ผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติ

ในโรคตาในเด็กที่มีความรุนแรง หรือไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดรักษาต้อกระจกแต่กำเนิด หรือการผ่าตัดแก้ไขภาวะตาเขรุนแรง การผ่าตัดจะช่วยแก้ไขความผิดปกติทางโครงสร้างของดวงตา ฟื้นฟูการมองเห็น และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้


โรคตาในเด็กมีวิธีป้องกันอย่างไรที่สามารถทำได้

ตรวจตาเด็ก

การป้องกันโรคตาในเด็ก จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพดวงตาที่แข็งแรง และมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ตลอดช่วงวัย โดยวิธีการป้องกันการเกิดโรคตาในเด็กที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ได้แก่

  • จำกัดการใช้หน้าจอ ควรจำกัดเวลาการใช้งานและให้เด็กพักสายตาทุก 20 นาทีขณะใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เช่น โทรศัพท์ ทีวี เป็นต้น เพื่อป้องกันอาการตาล้าและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตาในเด็ก
  • ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักใบเขียว แครอท ไข่ ปลา ที่ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงการเกิดโรคตาในเด็ก
  • ส่งเสริมกิจกรรมกลางแจ้ง ชวนลูกออกไปเล่นนอกบ้านอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง เพราะแสงธรรมชาติและการมองในระยะไกล จะช่วยชะลอการเกิดสายตาสั้น และส่งเสริมพัฒนาการการมองเห็นได้เป็นอย่างดี
  • พาไปตรวจตาเด็กเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง หรือเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น มองไม่ชัด ขยี้ตาบ่อย หรือร้องปวดศีรษะ

ควรพาลูกหลานไปตรวจตาเมื่อไร บ่อยแค่ไหน

การตรวจสายตาเด็กแต่เนิ่น ๆ จะเป็นการป้องกันโรคตาในเด็กได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการการมองเห็นที่ดี และลดความเสี่ยงของภาวะผิดปกติในอนาคต โดยควรพาลูกไปตรวจสายตาตามช่วงอายุ ดังนี้

แรกเกิดถึง 6 เดือน

ควรตรวจตาในทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน เพื่อคัดกรองปัญหาที่อาจเกิดขึ้นแต่กำเนิด เช่น ต้อกระจกแต่กำเนิด หรือความผิดปกติของโครงสร้างดวงตา ซึ่งการตรวจพบตั้งแต่แรกเกิดจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

อายุ 3-4 ปี

ช่วงอายุ 3-4 ปี นี้ควรเริ่มตรวจตาเด็กอย่างละเอียด เพื่อตรวจหาความผิดปกติของสายตา เช่น ตาเข ตาขี้เกียจ หรือสายตาสั้น ที่อาการมักจะเริ่มแสดงออกในวัยอนุบาล

อายุ 5-6 ปี

อายุ 5-6 ปี เป็นช่วงที่ควรตรวจสายตาเด็กก่อนเข้าโรงเรียน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาด้านการมองเห็นที่อาจกระทบต่อการเรียน เช่น การอ่านหรือมองกระดานไม่ชัด

ทุก 1-2 ปีถัดมา จนถึงอายุ 18 ปี

ควรพาลูกเข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุก ๆ 1-2 ปี หรือบ่อยกว่านั้นหากมีปัญหาทางสายตา เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของสายตาในช่วงที่ร่างกายมีการเจริญเติบโต และเพื่อให้สามารถปรับแก้ไขความผิดปกติได้ทันที โดยเฉพาะในช่วงที่เด็กมีการใช้สายตามากขึ้นในการเรียนและทำกิจกรรมต่าง ๆ


โรคตาในเด็กที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม! รู้ทันปัญหาสายตาลูกน้อยก่อนสาย

โรคตาในเด็กเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก การเฝ้าสังเกตพฤติกรรมและพาไปตรวจสายตาเด็กตามช่วงวัยอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้พบความผิดปกติทางสายตาได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นภาวะเด็กตาเหล่หรือต้อกระจกในเด็ก หากตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาให้หายหรือควบคุมอาการได้จะมีสูงขึ้น

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหาศูนย์บริการด้านดวงตาสำหรับเด็ก โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ พร้อมให้บริการดูแลและรักษาโรคตาในเด็ก โดยทีมจักษุแพทย์เด็กที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เครื่องมือได้มาตรฐานทั้งในไทยและระดับสากล สมิติเวช ไชน่าทาวน์มุ่งมั่นในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคตาในเด็กทุกชนิดอย่างแม่นยำและปลอดภัย เพื่อให้ดวงตาของลูกน้อยมองโลกได้อย่างสดใส เติบโต และมีพัฒนาการได้อย่างสมวัย 

ช่องทางติดต่อ


References

Melinda Chang. (2024 November 11). Warning Signs of Vision Problems in Infants & Children. https://www.healthychildren.org/English/health-issues/conditions/eyes/Pages/Warning-Signs-of-Vison-Problems-in-Children.aspx

Russel Lazarus. (2021 May 18). 7 Common Pediatric Eye Conditions. https://www.optometrists.org/childrens-vision/guide-to-pediatric-eye-conditions/7-common-pediatric-eye-conditions/.

David Turbert. (2024 September 10). Childhood Eye Diseases and Conditions. https://www.aao.org/eye-health/tips-prevention/common-childhood-diseases-conditions

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ