โรคกระดูกสันหลังคดในเด็ก
บทความโดย: วันที่อัพเดท: 26 มีนาคม 2567
โรคกระดูกสันหลังคดในเด็ก หากเป็นไม่มากจะไม่มีอาการแสดงออก โดยโรคกระดูกสันหลังคดเป็นได้ในเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดถึงวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่พบได้บ่อย ซึ่งประมาณร้อยละ 80 เป็นชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ และจากการวิจัยพบว่าเด็กไทยเป็นโรคนี้ ในอัตรา 1 ต่อ 10,000 คน ในระยะหลังพบเด็กเป็นโรคนี้มากขึ้น อันเนื่องมาจากพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็อาจเป็นสาเหตุทำให้หลังคดได้
โรคกระดูกสันหลังคด สามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้
- กระดูกสันหลังปกติตั้งแต่แรกเกิด แต่เริ่มมีการคดในภายหลัง และส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค แต่อาจเกี่ยวกับสารฮอร์โมนบางอย่างที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัว ส่งผลให้การเกิดหลังคดได้ พบได้ประมาณร้อยละ 80 และแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอายุ ดังนี้
- กลุ่มอายุ แรกเกิด – 1 ปี จะเริ่มยืนและเดิน แต่กลุ่มนี้ร้อยละ 90 จะหายได้เอง
- กลุ่มอายุ 3-10 ปี เริ่มมีจำนวนมากขึ้น ถ้าเป็นมากไม่รักษาจะมีปัญหาในระยะยาวได้
- กลุ่มอายุ 10-18 ปี จะพบได้มากกว่ากลุ่มอายุอื่น ซึ่งหากถ้าเป็นไม่มากก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่แนะนำให้เฝ้าติดตามดูความเปลี่ยนแปลงของหลังอยู่เสมอ เพราะกระดูกสันหลังอาจคดมากขึ้น และมากจนทำให้ร่างกายผิดปกติ ซึ่งแพทย์จะตรวจวัดองศาความคดของกระดูก ถ้าพบว่าคดระหว่าง 30-40 องศา ในอายุต่ำกว่า 15 ปี จะแก้ไขได้ด้วยการใส่เสื้อสำหรับแก้ความคด ถ้าทำตามคำแนะนำของแพทย์จะมีอาการดีขึ้น แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ความคดเพิ่มขึ้น ต้องแก้ไขด้วยวิธีการผ่าตัด โดยใส่เหล็กดามให้กระดูกสันหลังตรงขึ้น
- กระดูกสันหลังคดตั้งแต่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเกิดจากยาที่แม่รับประทานระหว่างตั้งครรภ์ กลุ่มนี้เกิดจากกระดูกผิดปกติ เช่น การเจริญของกระดูกสันหลังไม่เท่ากันหรือไม่สมดุลกัน ถ้ากระดูกสันหลังคดแล้วจะคดมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งแพทย์จะทำการรักษาทันที เพราะถ้าเป็นมากๆ อาจส่งผลให้เป็นอัมพาตได้
- มีความผิดปกติเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและระบบประสาท เช่น มีความผิดปกติของสมอง สมองพิการ โรคโปลิโอ โรคของระบบกล้ามเนื้อ ฯลฯ จะมีโอกาสทำให้กระดูกสันหลังคดเมื่อโตขึ้นได้
- โรคเท้าแสนปม ร่างกายจะมีปุ่ม หรือปานตามตัว และพบกระดูกสันหลังคดร่วมด้วยประมาณร้อยละ 30
ผู้ปกครองจะสังเกตได้อย่างไร ว่าลูกอาจเป็นกระดูกสันหลังคด
ผู้ปกครองสามารถเช็กอาการของเด็กคร่าวๆได้ด้วยตัวเอง โดยให้เด็กยืนตัวตรง แล้วดูแนวสันหลังว่าตรงหรือไม่ จากนั้นให้เด็กก้มหลังลง มือแตะพื้น ถ้ามองตามเส้นแนวกระดูกสันหลังแล้วไม่คด ก็แสดงว่าปกติ แต่ถ้ามีแนวไม่ตรง และสงสัยว่าจะคด หรือสังเกตุเห็นอาการดังนี้
- แนวกระดูกสันหลังไม่ตรง
- ระดับหัวไหล่หรือบ่าทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน
- สะบักหรือกระดูกที่เป็นคล้ายๆ ปีกมีการนูนตัวมากกว่า อีกด้านหนึ่ง
- ศีรษะไม่อยู่กึ่งกลางในระหว่างแนวกระดูกเชิงกรานทั้ง 2 ข้าง
- สะโพกด้านใดด้านหนึ่งยกขึ้น สูงกว่าอีกด้าน
- กระดูกซี่โครงมีระดับความสูงไม่เท่ากัน
- ระดับเอวไม่เท่ากัน
- สภาพผิวมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากอีกด้าน เช่น มีรอยบุ๋ม, มีขนขึ้น, สีผิวเปลี่ยนไปจากเดิม
- มีการเอียงของลำตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง
หากพบอาการผิดปกติ ควรพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้ามีอาการมากขึ้น จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคตได้ ส่วนกระดูกสันหลังคดตั้งแต่วัยรุ่น ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะคดเพิ่มขึ้น มีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ตัวเอียง ไหล่ตก แนวสะโพกเอียง รูปร่างพิการ ปวดหลัง มีปัญหาทางระบบหายใจ หอบเหนื่อยง่ายเป็นโรคปอดบวม ปอดอักเสบ หัวใจทำงานหนัก อาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้
กระดูกสันหลังคดส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร
- แนวสะโพกเอียง รูปร่างพิการ
- ปวดหลัง
- มีปัญหาทางระบบหายใจ หอบเหนื่อยง่าย
- เป็นโรคปอดบวม ปอดอักเสบ
- หัวใจทำงานหนักจนสามารถเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
การวินิจฉัยโรคกระดูกสันหลังคดทำอย่างไร
นอกจากการดูลักษณะที่ผิดปกติแล้ว แพทย์จะตรวจการทำงานของระบบประสาท และอาจส่งตรวจทางรังสีเพิ่มเติมเพื่อทำการวินิจฉัย และประเมินระดับความรุนแรงของโรค รวมถึงการประเมินอายุกระดูกของผู้ป่วย
ทางเลือกการรักษาโรคกระดูกสันหลังคด
- การรักษาด้วยการไม่ผ่าตัด ใช้ในกรณีที่เด็กมีมุมองศาที่คดไม่มาก โดยใช้การสังเกตอาการ รักษาทางกายภาพบำบัด หรืออาจใช้เสื้อเกราะในบางราย
- การรักษาด้วยการผ่าตัด ใช้ในกรณีที่เด็กมีมุมองศาที่คดมาก หรือมีการเพิ่มของมุมองศาที่คดมากขึ้นขณะติดตามการรักษา
- กายภาพบำบัด โดยการสอนการจัดท่าขณะนอน การทรงท่า และการออกกำลังกายต่างๆ ที่เหมาะสมเพื่อช่วยรักษาให้กระดูกสันหลังกลับเข้าสู่แนวเดิม หรือให้ใกล้เคียงแนวปกติให้มากที่สุด การรักษาจะจำเพาะแตกต่าง กันไปขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน และการให้การรักษานี้ควรเป็นนักกายภาพบำบัดที่ได้รับการอบรมเฉพาะทางเกี่ยว กับโรคกระดูกสันหลังคด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด