กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง มีอาการและวิธีการรักษาอย่างไร
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้นตามวัย โรคทางระบบประสาท หรืออุบัติเหตุ รักษาได้ด้วยยาและการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูการมองเห็นและความมั่นใจ
เบาหวานขึ้นตาหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่หลายคนไม่ค่อยรู้ ทั้งที่อาจลุกลามไปถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น และในผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับปัญหานี้ในระยะเริ่มต้น จนกระทั่งมีอาการสายตามัว หรือเริ่มสังเกตว่าการมองเห็นเปลี่ยนไป การเรียนรู้และเข้าใจอาการเบาหวานขึ้นตาในแต่ละระยะจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อช่วยให้สามารถดูแลรักษาได้ทันเวลา
เนื้อหาสาระในบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงภาวะเบาหวานขึ้นตา และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลดวงตา รวมถึงการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดตามมา
สารบัญบทความ
เบาหวานขึ้นตา หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า DR (DiabeticRetinopathy) คือโรคที่เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดการเสียหายต่อเส้นเลือดฝอยที่จอประสาทตา โดยน้ำตาลส่วนเกินจะไปสะสมและอุดตันหลอดเลือดเล็ก ๆ ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงจอตาผิดปกติ
ในระยะเริ่มต้นของโรคนี้ ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ หรืออาจมีอาการของการมองเห็นที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการตรวจรักษาที่เหมาะสม จะทำให้อาการแย่ลงไปเรื่อย ๆ และอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในที่สุด
ในช่วงเริ่มต้นของเบาหวานขึ้นตาจะมีอาการที่แสดงออกไม่ชัดเจนหรือไม่แสดงความผิดปกติแต่อย่างใด จึงทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบและไม่ทันได้สังเกต จนปล่อยปละละเลยทำให้โรคเกิดการเริ่มลุกลามมากขึ้น โดยอาการเบาหวานขึ้นตาที่พบเจอบ่อย ได้แก่
เบาหวานขึ้นตามีกี่ระยะ? เบาหวานขึ้นตาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะหลัก ตามความรุนแรงของโรค ได้แก่ ระยะเริ่มแรก (NPDR) และระยะก้าวหน้า (PDR) ซึ่งแต่ละระยะมีลักษณะของอาการเบาหวานขึ้นตา ที่แตกต่างกัน ดังนี้
NPDR คือโรคที่อยู่ในระยะแรกของเบาหวานขึ้นตา ซึ่งเป็นช่วงที่ผนังหลอดเลือดฝอยในจอตาเริ่มอ่อนแอ หลอดเลือดบางส่วนอาจโป่งพองหรือรั่วซึม ทำให้เกิดของเหลวสะสมจนจอตาบวม และการมองเห็นเริ่มผิดปกติได้ โดยในช่วงนี้อาการเบาหวานขึ้นตาอาจจะยังไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
เบาหวานขึ้นตาระยะก้าวหน้าหรือ PDR คือ ระยะที่โรคพัฒนาไปมากจนเกิดการขาดเลือดในจอตาอย่างรุนแรง ร่างกายจึงพยายามสร้างหลอดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่หลอดเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่จะเปราะบาง และแตกได้ง่าย จึงทำให้เกิดเลือดออกในวุ้นตาและมีพังผืดดึงรั้งจอตา จนอาจทำให้จอตาลอก นอกจากนี้หลอดเลือดใหม่อาจรบกวนระบบระบายน้ำในตา ทำให้ความดันตาเพิ่มสูง และกลายเป็นโรคต้อหินชนิดรุนแรงได้ในที่สุด
ภาวะเบาหวานขึ้นตาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคเบาหวานที่ไม่ดีพอ และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เร่งให้เกิดความเสียหายต่อจอประสาทตา โดยสาเหตุหลักที่ทำให้มีอาการเบาหวานขึ้นตา ได้แก่
เบาหวานขึ้นตาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน โดยในระยะแรกมักไม่แสดงอาการชัดเจน จนกระทั่งมีอาการ “ตามัว” หรือ “มองเห็นไม่ชัด” ก็อาจเข้าสู่ระยะรุนแรงที่ส่งผลต่อการมองเห็นแล้ว ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานนอกจากต้องตรวจเบาหวานแล้ว ยังควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แม้ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ทางการมองเห็นก็ตาม
โดยสำหรับการตรวจตา แพทย์จะใช้การหยอดยาขยายม่านตา เพื่อตรวจดูความผิดปกติของจอตา ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการตามัวชั่วคราวประมาณ 4–6 ชั่วโมง ควรงดการขับขี่ยานพาหนะ และควรมีญาติหรือผู้ดูแลไปด้วย
เบาหวานขึ้นตาเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่ส่งผลต่อหลอดเลือดในจอประสาทตา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวรได้ การรักษาเบาหวานขึ้นตาจะแตกต่างกันไปตามระยะของโรคและความรุนแรงของอาการ
ระยะเริ่มแรกเป็นระยะที่ยังไม่มีการสร้างหลอดเลือดใหม่หรืออาการมองเห็นผิดปกติที่ชัดเจน ดังนั้น การรักษาเบาหวานขึ้นตาระยะเริ่มแรกจะเน้นไปที่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือดให้คงอยู่ในระดับที่ปกติ เพื่อชะลอการลุกลามของโรค
โดยแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และเข้ารับการตรวจเช็กสุขภาพดวงตาตามกำหนดเวลาอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับการรักษาเบาหวานขึ้นตาระยะก้าวหน้า จะสามารถรักษาได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
สำหรับโรคเบาหวานขึ้นตาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สามารถป้องกันหรือชะลอการลุกลามได้ เพียงแค่ดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก ๆ อาทิ
ภาวะเบาหวานขึ้นตาถือเป็นอาการแทรกซ้อนที่อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดสนิทได้
เบาหวานขึ้นตาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและชะลอความรุนแรงของโรคไม่ให้มีอาการลุกลามไปในระยะที่รุนแรงขึ้นได้ โดยการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนควรเข้ารับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แม้จะไม่มีอาการผิดปกติทางการมองเห็น เพื่อคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นตา และหากพบความผิดปกติจะได้ป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที
เบาหวานขึ้นตาแม้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและชะลอความรุนแรงของโรคได้ด้วยการรักษาอย่างเหมาะสม การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การตรวจตาเป็นประจำทุกปี และการรักษาโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้อาการของโรคลุกลามไปถึงระยะที่รุนแรง
โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ มีการดูแลที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน เรามีทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมด้วยเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเบาหวานขึ้นตาเป็นไปอย่างเหมาะสมกับอาการและระยะของโรค เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพดวงตาที่ดีของคุณ
ช่องทางติดต่อ
References
National Eye Institute. (2024 December 10). Diabetic Retinopathy. https://www.nei.nih.gov/learn-about-eye-health/eye-conditions-and-diseases/diabetic-retinopathy
Kierstan Boyd. (2024 October 11). Diabetic Retinopathy: Causes, Symptoms, Treatment. https://www.aao.org/eye-health/diseases/what-is-diabetic-retinopathy